'กฟผ.' โชว์โซลูชัน 'BackEN EV' หนุนธุรกิจชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าโตยั่งยืน

'กฟผ.' โชว์โซลูชัน 'BackEN EV' หนุนธุรกิจชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าโตยั่งยืน

กฟผ. หนุนเจ้าของธุรกิจติดตั้งสถานีชาร์จอีวี รับความต้องการลูกค้า สร้างการเติบโตยั่งยืน พร้อมตั้งเป้าสิ้นปีนี้ลูกค้าภาคธุรกิจผ่านระบบ "BackEN EV" ติดตั้งครบ 110 สถานี จากปัจจุบัน 88 สถานี

กฟผ. หนุนเจ้าของธุรกิจติดตั้ง สถานีชาร์จอีวี รับความต้องการลูกค้า สร้างการเติบโตยั่งยืน ตั้งเป้าสิ้นปีนี้ลูกค้าภาคธุรกิจผ่านระบบ "BackEN EV" ติดตั้งครบ 110 สถานี จากปัจจุบัน 88 สถานี เมื่อรวมกับสถานีชาร์จของกฟผ. "EleX by EGAT" ที่ตั้งเป้าขยายสถานีเป็น 250 สถานี จากปัจจุบัน 211 สถานี ทั่วประเทศสิ้นปีจะมีกว่า 360 สถานี

จากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มาตรการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ทั่วโลกออกมาตรการเข้มข้นมากยิ่งขึ้น นโยบายการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานโดยเฉพาะเครื่องยนต์สันดาปภายในมาเป็นรถอีวี จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่ทั่วโลกต่างมุ่งให้ความสำคัญ

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีนโยบายผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถอีวี และชิ้นส่วนสำคัญของโลก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ถือเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่นอกจากบทบาทดูแลความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่เร่งเครื่องเดินหน้ารุกธุรกิจอีวีพร้อมเป้าหมายสนับสนุนระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้กับประเทศ

นางณิศรา ธัมมะปาละ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการธุรกิจนวัตกรรมพลังงาน กฟผ. กล่าวว่า กฟผ. เป็นหนึ่งในองค์กรที่มุ่งเปลี่ยนผ่านสู่ พลังงานสะอาด เพื่อนำพาประเทศไทยสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปีพ.ศ. 2593 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608

\'กฟผ.\' โชว์โซลูชัน \'BackEN EV\' หนุนธุรกิจชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าโตยั่งยืน

"กฟผ. ได้ดำเนินการตามนโยบายของภาครัฐที่ต้องการให้กฟผ. เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมอีวี Ecosystem ในไทยให้แข็งแกร่ง จากเดิมที่ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์สันดาปในภูมิภาค โดยภาครัฐเล็งเห็นว่าอีวีกำลังจะเข้ามามีบทบาท จึงมีการเตรียมการเพื่อรองรับ" นางณิศรา กล่าว

ทั้งนี้ จากแนวนโยบายดังกล่าว กฟผ. ได้เล็งเห็นว่าผู้ประกอบการมีความสนใจที่จะลงทุนติดตั้งสถานีชาร์จอีวีเพิ่มมากขึ้น จึงมีรูปแบบการให้บริการที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น TOTAL SOLUTION ที่มีตั้งแต่การออกแบบ แนะนำรูปแบบการติดตั้ง แนะนำการลงทุน และการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อนำมาใช้สำหรับการให้บริการสถานีชาร์จ EV รองรับทั้งส่วนของผู้ลงทุนสถานี และรับผู้ใช้งานอีวี โดยมีการพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น กลยุทธ์สำคัญของกฟผ. ที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยมุ่งสู่พลังงานสะอาดก็คือการสนับสนุนระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า

ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นสถานีชาร์จอีวี ภายใต้ชื่อ Elex by EGAT ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2563 โดยในส่วนของการบริหารจัดการสถานีชาร์จรถอีวี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเข้ามาลงทุน ต่อยอด และเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจผ่านบริการ BackEN EV ถือ ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2566

ปัจจุบัน กฟผ. มี สถานีชาร์จอีวี ทั่วประเทศผ่าน Elex by EGAT อยู่ที่ 211 แห่ง ที่ดำเนินการเอง และมีสถานีชาร์จอีก 88 แห่ง ที่เป็นรูปแบบของผู้ประกอบการเข้ามาลงทุนผ่าน BackEN EV โดยตั้งเป้าสถานีชาร์จ Elex by EGAT ให้ได้ 250 แห่ง และ BackEN EV ให้ได้ 110 แห่ง ภายในสิ้นปี 2567 ซึ่งจะทำให้กฟผ. มีสถานีชาร์จ EV ทั้ง 2 รูปแบบ ทั้งหมด 360 แห่ง

\'กฟผ.\' โชว์โซลูชัน \'BackEN EV\' หนุนธุรกิจชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าโตยั่งยืน

"ปี 2568 กฟผ. ตั้งเป้าเพิ่ม Elex by EGAT ให้ได้อีก 50-60 แห่ง ส่วน BackEN EV จะเพิ่มให้ได้อีก 100 แห่ง ซึ่งจะทำให้กฟผ. มีสถานีชาร์จ EV ทั้งหมดประมาณ 520 แห่ง ในปี 2568" นางณิศรา กล่าว

อย่างไรก็ตาม การที่จะทำให้ไทยเปลี่ยนผ่านจากการเป็นแหล่งผลิตรถยนต์สันดาปไปสู่รถอีวี จะต้องทำให้มีโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการใช้รถอีวี และทำให้ผู้บริโภคในประเทศต้องการที่จะเปลี่ยนมาใช้รถอีวี เพื่อต่อยอดให้ไทยเป็นผู้ประกอบการรถอีวีของภูมิภาค กฟผ. จึงเข้ามามีบทบาทในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว

นางณิศรา กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันกฟผ. มีแพ็กเกจสำหรับผู้ที่สนใจลงทุน 3 ขนาด แบ่งเป็น S, M และ L เพื่อให้ผู้สนใจลงทุนได้เลือกให้เหมาะสมกับสถานที่และรูปแบบธุรกิจ ทั้งขนาดของเครื่องชาร์จ เวลาในการใช้บริการในพื้นที่ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการต่อยอด และช่วยสร้างโอกาสในการทำธุรกิจให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

สำหรับแพ็กเกจ S นั้น ขนาดของเครื่องชาร์จที่แนะนำคือ AC 22kW จำนวน 2 เครื่อง โดยมีเวลาในการใช้บริการในพื้นที่ประมาณ 4-6 ชั่วโมง ซึ่งรูปแบบธุรกิจที่เหมาะสม ได้แก่ โรงแรม, อาคารสำนักงาน, คอนโด และพิพิธภัณฑ์

ส่วนแพ็กเกจ M ขนาดของของเครื่องชาร์จที่แนะนำคือ DC 30-60 kW 1 เครื่อง มี 1-2 หัวชาร์จต่อเครื่อง โดยมีเวลาในการใช้บริการในพื้นที่ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งรูปแบบธุรกิจที่เหมาะสม ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า, ร้านอาหาร และคาเฟ่

ในขณะที่แพ็กเกจ L ขนาดของของเครื่องชาร์จที่แนะนำคือ DC 120kW 1 เครื่อง จำนวน 2 หัวชาร์จต่อเครื่อง โดยมีเวลาในการใช้บริการในพื้นที่ประมาณ 30-45 นาที ซึ่งรูปแบบธุรกิจที่เหมาะสม ได้แก่ ปั๊มน้ำมัน, จุดพักรถ และพื้นที่ติดถนนหลัก

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ เว็บไซต์ หรือ เฟซบุ๊ก และทาง LINE OA : @BackenEV 

\'กฟผ.\' โชว์โซลูชัน \'BackEN EV\' หนุนธุรกิจชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าโตยั่งยืน \'กฟผ.\' โชว์โซลูชัน \'BackEN EV\' หนุนธุรกิจชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าโตยั่งยืน