'ฉาย บุนนาค' ปักธง 'เครือเนชั่น' สู่ความยั่งยืน ตั้งเป้าลดคาร์บอน หนุน 'มูลนิธิเนชั่น' ช่วยสังคม

เพราะ "ความยั่งยืน" เป็นกติกาสำคัญต่อโลก "กรุงเทพธุรกิจ" เปิดเวทีสู่อนาคตที่ยั่งยืนของธุรกิจไทย "Sustainability Forum 2025: Synergizing for Driving Business" สองวันต่อเนื่อง 3 - 4 ธันวาคม 2567 ณ พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน

นายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ได้ขึ้นเวที กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน พร้อมเผยวิสัยทัศน์พาเครือเนชั่น ก้าวสู่ความยั่งยืน

โดย นายฉาย กล่าวว่า ที่ผ่านมา สื่อในเครือเนชั่น ได้ให้ความสำคัญกับประเด็น sustainability มาโดยตลอด วัตถุประสงค์หลักคือ ต้องการรวมพลัง เชื่อมโยงความคิด แบ่งปันประสบการณ์ สร้างกลยุทธ์ต่างๆ ร่วมกัน เพื่อจุดประกายทางความคิด ขับเคลื่อนเรื่อง sustainability ออกสู่สาธารณะ

"โลกทุกวันนี้ เผชิญความเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ บางคนอาจเรียกว่า สภาวะโลกเดือด ซึ่งเป็นปัญหาระดับโลก ไม่ใช่แค่หน้าที่ของรัฐบาล ไม่ใช่แค่หน้าที่ของบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ต่างๆ แต่เป็นหน้าที่ของเราทุกคน ของประชาชนทุกคนที่ต้องร่วมมือกันผลักดัน เพราะนี่คือ สังคมของเรา คือโลกของเรา ที่ต้องส่งต่อสู่ลูกหลานในอนาคต"

พร้อมขยายความต่อถึงผลกระทบที่ถูกคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งประเด็นจำนวนประชากรซึ่งองค์การสหประชาชาติ ระบุว่า ในปี 2050 ประชากรโลกจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 9.7 พันล้านคน จากปัจจุบันที่ 8.1 พันล้านคน ซึ่งจะส่งผลถึงทรัพยากรต่างๆ ขาดแคลนอาหาร

"ความท้าทายต่างๆ เหล่านี้ เราเหลือเวลาไม่มากที่จะบรรลุเป้าหมาย ผนวกกับเรื่องอุณหภูมิโลกร้อนที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เราเห็น เรารู้ เราสามารถสัมผัสได้

ไม่ว่าจะเป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆ ที่เข้ามากระทบ ปีนี้ มีเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติศาสตร์ทางภาคเหนือ เชียงราย เชียงใหม่ และล่าสุดก็เกิดกับภาคใต้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เราทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจ และก้าวเดินอย่างมีสติ มีแผนงานที่ชัดเจน พร้อมที่จะลงมือทำจริงๆ ไม่ใช่แค่จัดฟอรั่มแล้วก็จบไป ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันจริงๆ"

พร้อมกันนี้ ได้กล่าวย้ำว่า 

"เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs 2030 มันไม่ใช่วาระ แต่มันคือ แผนปฏิบัติการ เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของเราทุกคน"

และกล่าวต่อถึงผลกระทบต่อประเทศไทย แน่นอนว่า จะกระทบหลายภาคส่วน ทั้งจีดีพีประเทศที่จะลดลง นอกจากนี้ภาคการท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบจากการสูญเสียแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ขณะที่พื้นที่ชายฝั่งลดลงจากปัญหากัดเซาะ ภาคการเกษตรได้รับผลกระทบ และภาคสาธารณสุขก็ยังเสี่ยงต่อโรคระบาดมากขึ้นด้วย

ทั้งหมดนี้คือ ความเสี่ยง หากเราไม่รีบปรับตัว หรือดำเนินการต่างๆ

"เครือเนชั่นเรา แม้จะเป็นองค์กรเล็กๆ ไม่ได้มีภาคอุตสาหกรรม เรามีพนักงานในเครือประมาณพันกว่าชีวิต แต่เราก็มุ่งเน้นในด้านนี้ ทั้งการรณรงค์ ผลิตคอนเทนต์ ปลูกจิตสำนึกต่างๆ ออกสู่สังคม"

"เราแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือ การลดคาร์บอน ส่วนที่สองคือ การสร้างสังคม ชุมชนที่ยั่งยืน

ด้านการลดคาร์บอน เริ่มต้นอย่างแรก เราประเมินในองค์กรเรา เราปล่อยคาร์บอน 3,800 ตันต่อปี เราตั้งเป้าการลดคาร์บอนในปี 2035 หนึ่งคือ เราลงนามความร่วมมือเพื่อปลูกป่าชายเลนกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยมีพื้นที่ที่ได้รับจัดสรรปลูกป่าชายเลน 152 ไร่ ใน จ.ชุมพร และ จ.ตรัง คาดว่าจะดูดซับคาร์บอนได้ 1,436 ตัน หรือคิดเป็น 33% ที่เราผลิต

นอกจากนี้เราก็ยังเปลี่ยนมาใช้รถ EV ในงานข่าว และรณรงค์ลดการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองต่างๆ ในองค์กร

ในด้านของชุมชน เรามี “มูลนิธิเนชั่น” ในการขับเคลื่อน เรามีโครงการเพื่อการศึกษา โครงการด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงโครงการประหยัดพลังงานต่างๆ เพื่อช่วยเหลือ และฟื้นฟูสังคม

สำหรับการจัดฟอรั่มครั้งนี้ ก็เป็นครั้งสำคัญที่เราจะมาจุดประกายความคิดต่อสังคม ให้เรามาร่วมมือร่วมใจกัน เพื่อช่วยให้สังคมของเราเป็นสังคมที่ยั่งยืน เพื่อลูกหลานของเรา เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องการลดคาร์บอน แต่มันคือ การส่งต่อทรัพยากรที่ดีสู่รุ่นต่อไป"

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์