คนหนุ่มสาวเสียชีวิตจาก ‘อากาศร้อน’ มากที่สุด จะเพิ่มขึ้นอีกหากโลกร้อนรุนแรง
งานวิจัยใหม่คาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากความร้อนในศตวรรษนี้จะเพิ่มขึ้น 32% หากไม่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง
KEY
POINTS
- การวิจัยใหม่ชี้ให้เห็นว่าผู้คนที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี กลับเป็นกลุ่มที่เสียชีวิตจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นมากที่สุด
- เมื่อมีอุณหภูมิแตะ 30 องศาเซลเซียส และมีความชื้นสัมพัทธ์ 50% จะทำให้คนอายุ 35 ปีเสียชีวิตจากอุณหภูมิประมาณ 32 ราย คิดเป็น 75% ของทั้งหมด
- คนหนุ่มสาวมีระบบเผาผลาญที่ดีกว่าคนวัยกลางคนมักจะจัดการกับความร้อนได้ดีกว่า แต่คนวัยทำงานมีความเสี่ยงจากการทำงาน เช่น การทำงานหนักกลางแจ้ง มากกว่าคนสูงวัย
ความร้อนจัดที่เกิดจาก “วิกฤติสภาพอากาศ” มักถูกมองว่าเป็นปัญหาหลักสำหรับกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ แม้ว่าผู้สูงอายุจะได้รับผลกระทบคลื่นความร้อนไวกว่า แต่คนกลุ่มนี้มักเสียชีวิตจากความหนาวเย็นมากกว่า
การวิจัยใหม่ชี้ให้เห็นว่า ผู้คนที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี กลับเป็นกลุ่มที่เสียชีวิตจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นมากที่สุด โดยจำนวนผู้เสียชีวิตจากความร้อนในศตวรรษนี้จะเพิ่มขึ้น 32% หากไม่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง
“งานวิจัยที่เกี่ยวกับความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากความร้อนมักเน้นไปที่ผู้สูงอายุ แต่ความจริงแล้วมันเกิดกับคนอายุน้อยมากกว่า ซึ่งเราไม่คิดว่าจะพบปัญหานี้” แอนดรูว์ วิลสัน นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ผู้นำการศึกษาเปิดเผย
การศึกษานี้พิจารณาข้อมูลการเสียชีวิตทั้งหมดในเม็กซิโกตั้งแต่ปี 1998-2019 แสดงให้เห็นว่าเมื่อมีอุณหภูมิแตะ 30 องศาเซลเซียส และมีความชื้นสัมพัทธ์ 50% จะทำให้คนอายุ 35 ปีเสียชีวิตจากอุณหภูมิประมาณ 32 ราย คิดเป็น 75% ของทั้งหมด ในทางกลับกัน การเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับความหนาวเย็นเกือบทั้งหมดเกิดขึ้นกับผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี
ปัญหาความร้อนจัด ที่เพิ่มมากขึ้นมีแนวโน้มที่จะทำให้คนหนุ่มสาวเสียชีวิตมากขึ้น เนื่องจาก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เกิดจากมนุษย์ ทำให้จำนวนวันที่มีอากาศร้อนอบอ้าวและชื้นในประเทศเพิ่มมากขึ้น และรูปแบบนี้อาจเกิดซ้ำในประเทศอื่น ๆ เช่น สหรัฐและยุโรป เนื่องจากกลุ่มอายุต่าง ๆ ตอบสนองต่ออุณหภูมิในลักษณะที่คล้ายคลึงกันโดยพื้นฐาน
“เราพบว่าการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับความหนาวเย็นจะลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุ ในขณะที่การเสียชีวิตจากความร้อนในคนหนุ่มสาวจะเพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกิดขึ้นแล้ว และการปรับตัวของมนุษย์ต่อสภาพอากาศเป็นเรื่องที่สำคัญมากในอนาคต เราต้องคำนึงถึงความเสี่ยงคนหนุ่มสาวต้องเผชิญมากขึ้น” วิลสันกล่าวเสริม
ตอนนี้ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าทำไมคนอายุน้อยจึงมีความเสี่ยงสูงขึ้น แต่ผู้วิจัยกล่าวว่าน่าจะมีปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างทางสรีรวิทยา เช่น ทารกไม่สามารถขับเหงื่อเพื่อระบายความร้อนได้และต้องการดูแล
ส่วนคนหนุ่มสาวและคนวัยกลางคนมักจะจัดการกับความร้อนได้ดีกว่า สามารถเหงื่อออกอย่างมีประสิทธิภาพ และอวัยวะภายใน อย่างหลอดเลือด หัวใจ และปอดปรับตัวได้เมื่อเกิดความเครียดจากความร้อน ซึ่งอวัยวะจะเริ่มเสื่อมลงเมื่ออายุมากขึ้น หัวใจสูบฉีดเลือดไม่แรงเท่าเดิม ผู้สูงอายุเหงื่อออกน้อยลงและระบายความร้อนได้ไม่เท่าเดิม แต่คนวัยทำงานมีความเสี่ยงจากการทำงาน เช่น การทำงานหนักกลางแจ้ง มากกว่าคนสูงวัย
ในสหรัฐ รัฐบาลของโจ ไบเดนใช้เวลา 3 ปีที่ผ่านมาในการกำหนดกฎเกณฑ์จากรัฐบาลกลาง เพื่อปกป้องคนงานจาก สภาพอากาศร้อนจัด แม้ว่ากฎเกณฑ์เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะถูกยกเลิกโดยประธานาธิบดีคนใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ตาม
คริสตี้ เอบี นักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน กล่าวว่า การสัมผัสกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นเป็นประจำยังช่วยเพิ่มการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ซึ่งน่าจะทำให้มีความเสี่ยงลดลง พร้อมเสริมว่าจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม เพื่อทำความเข้าใจรูปแบบนี้ให้ถ่องแท้ และขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ด้วย
“การศึกษานี้ให้รายละเอียดในการทำความเข้าใจว่า ประชากรแต่ละกลุ่มอาจได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างไร และเป็นไปได้ว่าอย่างน้อยในเม็กซิโก การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอาจส่งผลให้คนหนุ่มสาวเสียชีวิตจากความร้อนมากขึ้น” เอบีกล่าว
ซามีด คาทานา แพทย์และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเพนน์เมดิซิน เจ้าของการศึกษาที่พบว่าการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดและหัวใจที่เกิดจากความร้อน มีแนวโน้มจะพุ่งสูงขึ้นภายในทศวรรษหน้าเนื่องจากวิกฤติสภาพอากาศ กล่าวว่า คนรุ่นใหม่ต้องเผชิญกับความร้อนจากการทำงาน โรงเรียน กิจกรรมกลางแจ้ง และอาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไม่สมส่วน
“ดังนั้นจึงต้องให้ความสำคัญในการหามาตรการเพื่อป้องกันและดูแลคนกลุ่มนี้อย่างตรงเป้า เช่น เวลาพักงานสำหรับคนที่ทำงานกลางแจ้งหรือที่ร้อน กำหนดตารางงานกีฬาใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงความร้อนจัด” คาทานากล่าว
ที่มา: NPR, The Guardian, VOA News