‘สหรัฐ’ แห่ปลูก ‘พิสตาชิโอ’ ใช้น้ำน้อย ทนแล้งได้ดี มีราคาสูง

‘สหรัฐ’ แห่ปลูก ‘พิสตาชิโอ’ ใช้น้ำน้อย ทนแล้งได้ดี มีราคาสูง

“พิสตาชิโอ” กลายเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ในแคลิฟอร์เนีย นอกจากเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคแล้ว ยังเป็นพืชที่ทนแล้งได้ดีและยั่งยืนกับโลก

KEY

POINTS

  • พิสตาชิโอเป็นพืชที่ทนความแล้งได้ดีมาก ทำให้เกษตรกรในแคลิฟอร์เนียหันมาปลูกพิสตาชิโอมากขึ้น 
  • สหรัฐแซงหน้าอิหร่านกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลูกถั่วพิสตาซิโอมากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
  • แต่การที่พิสตาชิโอได้รับความนิยมมากเกินไปอาจไม่ใช่ผลดีสำหรับทุกคน เนื่องจากตลาดอิ่มตัว ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กอาจต้องแบกรับภาระหนัก

ด้วยรสชาติที่เข้มข้นได้ใจของ “พิสตาชิโอ” ทำให้ถั้วชนิดนี้ถูกเลือกให้เป็นถั่วแห่งปี 2023 และด้วยกระแส “ช็อกโกแลตดูไบ” ที่โด่งดังไปทั่วโลก ยิ่งทำให้ความต้องการถั่วพิสตาชิโอเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยมา กลายเป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะในรัฐแคลิฟอร์เนียที่ในปีที่ 2023 ทำรายได้ให้กับรัฐไปเกือบ 3,000 ล้านดอลลาร์ 

ตามสถิติการเกษตรของรัฐ แคลิฟอร์เนียปลูกผักมากกว่า 1 ใน 3 ของประเทศ และผลไม้และถั่วถึง 75% ของประเทศ และจำนวนพิสตาชิโอเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จนกลายเป็นสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 6 ของรัฐ แซงหน้าพืชผลที่ปลูกมาอย่างยาวนาน เช่น สตรอว์เบอร์รีและมะเขือเทศ

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สหรัฐแซงหน้าอิหร่านกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลูกถั่วพิสตาซิโอมากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และแน่นอนว่าพื้นที่ปลูกถั่วชนิดนี้เกือบทั้งหมดอยู่ในแคลิฟอร์เนีย

ผลผลิตส่วนใหญ่ที่ผลิตได้ถูกส่งไปจีน เพราะเป็นอาหารยอดนิยมในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมกล่าวว่าชาวอเมริกันก็กินพิสตาชิโอมากขึ้นเช่นกัน เห็นได้จากที่ปัจจุบันมีถั่วพิสตาชิโอวางจำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อหลากหลายรสชาติและรูปแบบ

พิสตาชิโอเป็นพืชที่ทนความแล้งได้ดีมาก ซึ่งเหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศของแคลิฟอร์เนียที่เผชิญปัญหาภัยแล้งต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว โดยเฉพาะในบริเวณหุบเขาของซ็นทรัล วัลเลย์ ที่มีสภาพอากาศคล้ายทะเลทราย และมีปริมาณน้ำจำกัด ก็ไม่สามารถขัดขวางการจะเจริญเติบโตของถั่วพิสตาชิโอได้ เพราะมันมีรากที่ยาว ชอนไชไปได้ลึก อีกทั้งยังอาศัยลมแทนผึ้งในการผสมเกสร และสามารถให้ผลผลิตได้นานหลายทศวรรษ

“พิสตาชิโอเป็นต้นไม้ที่แข็งแรง ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงด้วยน้ำคุณภาพสูงที่ใช้กับต้นอัลมอนด์ สามารถใช้น้ำชลประทานได้เลย” ดาร์วิน อินแมน รองประธานฝ่ายขายและการตลาดของบริษัท Horizon Nut Company กล่าว โดยบริษัทนี้สามารถผลิตพิสตาชิโอได้ประมาณ 60-100 ล้านปอนด์ต่อปี ทำให้เป็นหนึ่งในผู้แปรรูปพิสตาชิโอรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ

พิสตาชิโอต้องการน้ำประมาณ 3,700 ลูกบาศก์เมตร ต่อเอเคอร์ เมื่อเทียบกับอัลมอนด์ที่ต้องใช้น้ำเกือบ 4,934 ลูกบาศก์เมตร และให้ผลผลิตต่อเอเคอร์มากกว่าอัลมอนด์ในขณะที่มีราคาสูงกว่า 

คุณสมบัติทนแล้งนี้เองทำให้เกษตรกรในแคลิฟอร์เนียหันมาปลูกพิสตาชิโอมากขึ้น แทนที่การปลูกอัลมอนด์ที่ต้องดูแลและใช้น้ำมากกว่า แม้ว่าอัลมอนด์จะทำรายได้ให้กับรัฐในปี 2023 สูงถึงเกือบ 4 ล้านดอลลาร์ก็ตาม

Nichols Farms ทำธุรกิจปลูกถั่วมานานกว่า 40 ปี และปัจจุบันผลิตพิสตาชิโอและอัลมอนด์ได้มากกว่า 35 ล้านปอนด์ต่อปี ซึ่งตอนนี้ผลผลิตส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นพิสตาชิโอ ข้อมูลจากเจฟฟ์ นิโคลส์ รองประธานฝ่ายซัพพลายเชนและความสัมพันธ์กับผู้ปลูกของ Nichols Farms ระบุว่า  “ตอนนี้เรามีพิสตาชิโอประมาณ 70% มีอัลมอนด์เพียง 23% เท่านั้น” 

นิโคลส์กล่าวเสริมว่า ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา พิสตาชิโอทำกำไรได้มากกว่าอัลมอนด์อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าพิสตาชิโอมีต้นทุนการแปรรูปที่สูงกว่าก็ตาม แต่โดยรวมแล้ว เกษตรกรผลตอบแทนจากพิสตาชิโอดีกว่าอัลมอนด์ 

ส่วนแบ่งทางการตลาดที่เติบโตของพิสตาชิโอ เป็นตัวอย่างที่ดีของความสัมพันธ์ระหว่างสภาพอากาศและตลาดการผลิต  เพราะวิกฤติสภาพอากาศที่ส่งผลให้เกิดภัยแล้งทั่วโลก เกษตรกรจึงหันมาปลูกพืชที่ทนแล้ง หนึ่งในนั้นคือ พิสตาชิโอ จนถั่วชนิดนี้ไม่ใช่ของที่มีราคาแพงอีกต่อไป กลายเป็นสินค้าที่หาได้ทั่วไป และถูกนำไปเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์อื่น ๆ มากมาย

แซ็กคารี เฟรเซอร์ ประธานและซีอีโอของ American Pistachio Growers สมาคมการค้าที่ส่งเสริมพิสตาชิโอที่ปลูกในอเมริกาไปสู่ทั่วโลก เน้นย้ำถึงความสำคัญที่กระแสวัฒนธรรมป๊อปและเทรนด์แฟชั่น เช่น สีเขียวพิสตาชิโอ (Pistachio Green) ที่กลายเป็นสีของเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องเรือน และแฟชั่น ทำให้ผู้คนรู้จักถั่วชนิดนี้มากขึ้น 

“เราใช้ทุกโอกาสที่มีเพื่อคว้าโอกาสเหล่านี้และเตือนผู้คนว่าไม่ใช่แค่เรื่องของสีเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของคุณภาพของผลิตภัณฑ์ด้วย และเกษตรกรของเราเป็นผู้ปลูกถั่วที่ดีที่สุดในโลก” เฟรเชอร์กล่าว

ความนิยมที่พุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารบางคนทำนายว่าพิสตาชิโออาจเป็นเมนูฮิตถูกนำไปผสมกับทุกเมนูเหมือนที่เกิดขึ้นกับ พัมพ์กินสไปซ์ (Pumpkin Spice) เครื่องเทศสำหรับทำผสมพายฟักทองที่ตอนหลังถูกทำไปผสมกับเครื่องดื่มหลายชนิด แต่การที่พิสตาชิโอได้รับความนิยมมากเกินไปอาจไม่ใช่ผลดีสำหรับทุกคน เนื่องจากตลาดอิ่มตัว ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กอาจต้องแบกรับภาระหนัก

บริษัท Santa Barbara Pistachio ฟาร์มพิสตาชิโอออร์แกนิกเล็ก ๆ ที่เป็นธุรกิจครอบครัว มีพื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่ มีคนงานเพียง 3 คน กับรถแทรกเตอร์อีก 2 คัน กำลังเจอกับตลาดที่แข่งขันสูง แม้ว่าในตอนนี้ถั่วพิสตาชิโอยังไม่ล้นตลาดก็ตาม เพราะถั่วจะให้ผลผลิตครั้งแรกหลังจากปลูกไป 7 ปี

“มีคนจำนวนมากที่เลิกปลูกอัลมอนด์แล้วหันมาปลูกพิสตาชิโอแทน แต่เรายังยืนยันที่จะปลูกแต่พิสตาชิโอเท่านั้น แม้ตอนนี้ตลาดจะเริ่มอิ่มตัวแล้ว เราต้องพยายามเอาตัวรอด” จอช แซนนอน ผู้จัดการ Santa Barbara Pistachio กล่าว


ที่มา: AP NewsThe GuardianVOA News