ตลาดหุ้น 'จีน-ฮ่องกง' พุ่งแรง 4% รับข่าวดีพยุงตลาด - 'สี จิ้นผิง' ลงมาดูเอง

Key Points

• ดัชนีฮั่งเส็งปิดบวกวันนี้ 4.04% ขณะที่เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ปิดบวก 3.23%
• ตลาดขานรับข่าวดีที่รัฐบาลจีนเอาจริงในการพยุงตลาดหุ้น เช่น การซื้อกองทุน ETF และซื้อหุ้นในตลาดมากขึ้น
• สื่อระบุว่าประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จะประชุมกับตลาดหลักทรัพย์ และหน่วยงานด้านการเงิน เพื่อฟังสรุปสถานการณ์ด้วยตนเอง

 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะเข้าร่วมการประชุม และรับฟังการสรุปสถานการณ์ตลาดทุนจีน จากบรรดาหน่วยงานกำกับดูแลตลาดเงินของจีน ซึ่งนับเป็นการตอกย้ำถึงความเร่งด่วน และเอาจริงในการพยุงตลาดหุ้นที่ทรุดตัวลงของจีน

รายงานระบุว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จีน (CSRC) จะเป็นผู้นำในการเปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับภาวะตลาด และความริเริ่มด้านนโยบายล่าสุดต่อประธานาธิบดีสี โดยคาดว่าการประชุมจะมีขึ้นอย่างเร็วที่สุดในวันนี้ (6 ก.พ.67) แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะมีการออกมาตรการใหม่ๆ มาพยุงตลาดหุ้นในการประชุมครั้งนี้หรือไม่

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ตอกย้ำให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่จีนเผชิญแรงกดดันเพิ่มมากขึ้นในการยับยั้งภาวะตกต่ำในตลาดหุ้น หลังมาตรการต่างๆ ที่บังคับใช้เมื่อช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาไม่อาจพลิกฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนได้ โดยตลาดหุ้นจีน และฮ่องกงมีมูลค่าลดลงไปแล้วถึงประมาณ 7 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 250 ล้านล้านบาท) นับตั้งแต่แตะจุดสูงสุดในปี 2564
 

รัฐบาลประกาศมาตรการหนุนตลาดเพิ่ม

หลังจากที่มีข่าวว่ารัฐบาลจีนกำลังพิจารณาตั้งกองทุนพยุงหุ้นวงเงินราว 2 ล้านล้านหยวน (ราว 9.9 ล้านล้านบาท) เมื่อวันที่ 23 ม.ค.67 ที่ผ่านมา ล่าสุดรัฐบาลปักกิ่งยังได้ประกาศมาตรการสนับสนุนตลาดหุ้นจีนออกมาอีกหลายมาตรการในวันนี้ 

บริษัท เซ็นทรัล หุยจิน อินเวสต์เมนต์ (เซ็นทรัล หุยจิน) ประกาศในวันนี้ว่าจะเข้าซื้อกองทุน ETF และซื้อหุ้นในตลาดมากขึ้น เพื่อสนับสนุนตลาดหุ้นภายในประเทศ โดยเซ็นทรัล หุยจิน เป็นบริษัทด้านการลงทุนของรัฐบาลจีน 

ทางด้าน CSRC ได้เปิดเผยมาตรการล่าสุดว่า จะระงับไม่ให้บริษัทโบรกเกอร์ยืมหุ้นเพื่อนำมาปล่อยขายชอร์ต และจะจำกัดปริมาณการรีไฟแนนซ์ของบริษัทหลักทรัพย์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามเพิ่มเติมในการควบคุมการขายชอร์ตในตลาดหุ้นจีน 

นอกจากนี้ CSRC ยังสั่งห้ามไม่ให้บริษัทหลักทรัพย์ปล่อยหุ้นให้นักลงทุนที่ขาย และซื้อหุ้นภายในวันเดียวกัน พร้อมประกาศด้วยว่าจะปราบปรามการเก็งกำไรโดยใช้กลยุทธ์ชอร์ตเซลอย่างผิดกฎหมาย 

"เราจะสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนมากขึ้น และเปิดช่องทางที่ราบรื่นมากขึ้นสำหรับการดำเนินนโยบายในตลาดการเงิน ขณะเดียวกันเราจะยังคงประสานงาน และให้คำแนะนำแก่นักลงทุนสถาบันที่หลากหลาย เช่น กองทุนของภาครัฐ และกองทุนของภาคเอกชน, บริษัทหลักทรัพย์, กองทุนประกันสังคม และสถาบันด้านการประกัน เพื่อให้นักลงทุนสถาบันเหล่านี้สามารถเข้าสู่ตลาดได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น" CSRC ระบุ

ตลาดหุ้นฮ่องกงขานรับ บวกแรง 626.86 จุด

ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดในวันนี้ (6 ก.พ.67) ที่ระดับ 16,136.87 จุด เพิ่มขึ้น 626.86 จุด หรือ +4.04% ซึ่งเป็นการปิดบวกอย่างร้อนแรงโดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นจีน หลังจากมีรายงานว่ากองทุนภายใต้การบริหารของรัฐบาลจีนให้คำมั่นว่าจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มขึ้น

ทางด้านดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ ปิดตลาดที่ 2,789.49 จุด เพิ่มขึ้น 87.30 จุด หรือ +3.23% และดัชนี CSI 300 ปิดตลาดที่ 3,311.69 จุด +3.48% 

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นความพยายามของจีนในการสร้างเสถียรภาพในตลาดหุ้น หลังจากตลาดดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนอย่างรุนแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ก.พ.67) โดยมาตรการล่าสุดนี้ถือเป็นอีกหนึ่งในย่างก้าวสำคัญที่ทางการจีนต้องการจะสกัดการร่วงลงของตลาดหุ้น หลังจากมูลค่าตลาดหุ้นจีนหายไปถึง 7 ล้านล้านดอลลาร์ และบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน

อีกนานเท่าไรกว่าตลาดหุ้นจีนจะฟื้นจริง

บลูมเบิร์กระบุว่า ท่าทีเชิงรุกในการรับมือของบรรดาหน่วยงานในจีนครั้งนี้ ทำให้เกิดการเปรียบเทียบกับปี 2015 ที่ครั้งนั้นตลาดหุ้นจีนก็เผชิญวิกฤตทุนไหลออกอย่างหนักเช่นกัน และแม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการหลายอย่างออกมาเพื่อควบคุมสถานการณ์ในตลาด แต่ก็ต้องใช้เวลา "หลายเดือน" กว่าที่สถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ

ลินดา หลัม หัวหน้าฝ่ายแนะนำตราสารทุนตลาดเอเชียเหนือของบริษัทยูเนียน บังแคร์ พรีเว กล่าวว่า กำลังมองสถานการณ์ในจีนขณะนี้เหมือนกับตลาดหุ้นจีนเมื่อปี 2015 ถึงต้นปี 2016 ที่มีหลายอย่างคล้ายกันทั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและรัฐบาลกำลังพยายามลดการก่อหนี้ ซึ่งกระทบต่อบรรยากาศในการลงทุนของตลาด 

“เมื่อมองย้อนกลับไป มันไม่ใช่การฟื้นตัวแบบรูปตัววี (V-shape) ที่เกิดขึ้นภายในไม่กี่วัน แต่ต้องใช้เวลาเป็นเดือนกว่าที่นักลงทุนจะกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง”

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์