สรุปผลประชุม 'เฟด' และ Dot Plot เมื่อสหรัฐสดใส 'หุ้น-ทอง' ก็ทำนิวไฮ

สรุปผลประชุม 'เฟด' และ Dot Plot เมื่อสหรัฐสดใส 'หุ้น-ทอง' ก็ทำนิวไฮ

สรุปทุกเรื่องจากผลการประชุมเฟดที่ทำให้ 'ตลาดหุ้น' และ 'ทองคำ' ขานรับด้วยราคา 'นิวไฮ' ปีนี้ได้เห็นลดดอกเบี้ย 3 ครั้งตามคาดการณ์เดิม เงินเฟ้อยังน่ากังวลแต่ไม่น่ากลัว

KEY

POINTS

  • ที่ประชุมเฟดวันที่ 19 - 20 มี.ค. คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25 - 5.50%
  • คาดการณ์ดอกเบี้ย Dot Plot ยังเหมือนเมื่อเดือน ธ.ค. ค่ากลางดอกเบี้ย ณ สิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 4.6% หรือบ่งชี้ว่าปีนี้เฟดจะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง เหมือนที่ตลาดคาดการณ์ไว้
  • เฟดยังปรับขึ้นคาดการณ์ 'จีดีพี' สหรัฐปีนี้เป็น 2.1% จากคาดการณ์เดิมที่ 1.4%
  • สัญญาณ 'เงินเฟ้อ' จากเฟดไม่ได้น่าเป็นห่วงมาก 
  • 'หุ้นสหรัฐ' ขานรับ Dow Jones +400 จุด S&P 500 ทุบสถิติใหม่  
  • 'ทองคำ' (Spot) ทำนิวไฮทะลุ 2,200 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก 
     

ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันที่ 19 - 20 มี.ค. ไม่พลิกโผ ที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 23 ปี ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน

สำหรับไฮไลต์ผลการประชุมที่น่าสนใจ มีดังนี้ 
 

รายงาน Dot Plot

ประมาณการอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rates โดยเฉลี่ย ณ สิ้นปี 2567 จากความเห็นของกรรมการเฟดทั้ง 19 คน ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อเดือน ธ.ค. 2566 คือให้ค่ากลางดอกเบี้ย ณ สิ้นปีนี้เอาไว้ที่ 4.6% 

นั่นหมายความว่าเฟดส่งสัญญาณว่าจะลดดอกเบี้ยในปีนี้ลง 3 ครั้ง โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 0.75% ส่งผลให้คาดว่าอัตราดอกเบี้ยสิ้นปีนี้จะลดลงไปอยู่ที่ประมาณ 4.5 - 4.75%

สรุปผลประชุม \'เฟด\' และ Dot Plot เมื่อสหรัฐสดใส \'หุ้น-ทอง\' ก็ทำนิวไฮ

นอกจากดอกเบี้ยปีนี้ Dot Plot ยังประมาณการดอกเบี้ย ณ สิ้นปี 2568 ว่าจะมีค่ากลางอยู่ที่ 3.9% หรือเท่ากับจะลดดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง รวม 0.75% ซึ่งน้อยลงกว่าสัญญาณครั้งก่อนในเดือน ธ.ค. ที่บ่งชี้ว่าจะลดดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีหน้า ส่วนในปี 2569 จะมีค่ากลางอยู่ที่ 3.1% หรือเท่ากับจะลดดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง รวม 0.75% ไม่เปลี่ยนแปลงจากคาดการณ์เดิม

ปรับขึ้นคาดการณ์ GDP สหรัฐ

เฟดปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ (2567) สู่ระดับ 2.1% จากคาดการณ์เดิมเมื่อเดือน ธ.ค. ที่ 1.4% 

นอกจากนี้ ยังเพิ่มคาดการณ์จีดีพีของปีหน้า (2568) จากเดิม 1.8% ขึ้นไปเป็น 2.0% และของปี 2569 จากเดิม 1.9% ขึ้นไปเป็น 2.0% ขณะที่อัตราการขยายตัวในระยะยาวอยู่ที่ระดับ 1.8%

สัญญาณ 'เงินเฟ้อ-ว่างงาน' ไม่น่ากังวล

เฟดลดคาดการณ์อัตราการว่างงานในสหรัฐปีนี้ลงมาเล็กน้อย จาก 4.1% เหลือ 4.0% ซึ่งอัตราว่างงานในสหรัฐจะยังคงเคลื่อนไหวในระหว่าง 4.0 - 4.1% ไปอีกหลายปี

สัญญาณจากที่ประชุมเฟดคือ ตลาดการจ้างงานสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง แต่ก็ทิ้งท้ายด้วยว่าหากมีการอ่อนแรงลงอย่างเหนือความคาดหมาย ก็อาจส่งผลต่อการตัดสินใจทางนโยบายการเงินตามมา

ขณะที่ "อัตราเงินเฟ้อ" ที่หลายฝ่ายเป็นกังวล หลังจากที่ขยับขึ้นมาเกินคาดการณ์ในเดือน ม.ค. - ก.พ. ที่ผ่านมานั้น เฟดเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้จะขยับขึ้นจาก 2.4% ไปเป็น 2.6% ส่วนของปี 2568-2569 ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงที่ 2.2% และ 2.0% ตามลำดับ 

เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เน้นย้ำภาพเงินเฟ้อที่ค่อยๆ มุ่งไปสู่กรอบเป้าหมาย 2% อย่างค่อยเป็นค่อยไปและอาจมีสะดุดบ้าง โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นในเดือน ม.ค.และ ก.พ. ไม่ได้กระทบต่อความเชื่อมั่นในเป้าหมายเงินเฟ้อมากนัก 

"เรากำลังมองหาข้อมูลเพื่อยืนยันตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำลงในปีที่แล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อจะลดลงไปสู่กรอบ 2% ได้อย่างยั่งยืน" "คนส่วนใหญ่ยังคงมองว่าเราจะบรรลุกรอบเป้าหมายดังกล่าวได้ และจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย" พาวเวลกล่าว

ทองคำทำนิวไฮ

สรุปผลประชุม \'เฟด\' และ Dot Plot เมื่อสหรัฐสดใส \'หุ้น-ทอง\' ก็ทำนิวไฮ

บลูมเบิร์กระบุว่า ราคาทองสปอต (Spot) พุ่งขึ้นถึง 1.6% ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 2,200 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกที่ราคา 2,220.89 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ ก่อนจะลดลงมาอยู่ที่ 2,202.31 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ ระหว่างการซื้อขายในตลาดสิงคโปร์ เมื่อเวลา 7.15 น. วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น 

ส่วนสัญญาทองคำตลาด COMEX งวดส่งมอบเดือน เม.ย. เมื่อเวลา 07.01 น.ตามเวลาไทย พุ่งขึ้น 46.50 ดอลลาร์ หรือ 2.15% แตะที่ระดับ 2,207.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ท่ามกลางราคาทองคำในปีนี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้ว 7% จากสัญญาณการลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ

ตลาดหุ้นสหรัฐทุบสถิติใหม่

3 ดัชนีหลักของตลาดหุ้นสหรัฐ ต่างพุ่งขึ้นสู่ระดับ "สูงสุดทุบสถิติใหม่ทั้งหมด" ในการปิดตลาดซื้อขายเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones) +401.37 จุด หรือ 1% ปิดที่ 39,512.13 จุด
  • ดัชนีเอสแอนด์พี 500 (S&P 500) +46.11 จุด หรือ 0.9% ปิดที่ 5,224.62 จุด
  • ดัชนีแนสแดค คอมโพสิต (Nasdaq) +202.62 จุด หรือ 1.3%% ปิดที่ 16,369.41 จุด

 
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มการเงิน โดยหุ้นอัลฟาเบท บวก 1.2% หุ้นอะเมซอน พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นอินวิเดีย บวก 1.1% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ พุ่งขึ้น 1.87% หุ้นแอปเปิ้ล พุ่งขึ้น 1.47% ส่วนในกลุ่มการเงินนั้น หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 3.1% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค บวก 1.3%

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจความเห็นนักค้าจาก Markets Live Pulse survey ของบลูมเบิร์กระบุว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะเสียโมเมนตัมขาขึ้น และปรับขึ้นไปอีกได้ไม่มากนัก โดยคาดว่า S&P 500 จะขึ้นไปไปได้ถึงแค่ 5,454 จุด ณ สิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่ราว 5,225 จุด หลังจากที่ทั้งปีนี้ขึ้นไปแล้วถึงเกือบ 10% และปีที่แล้วอีก 24% จากอานิสงส์ของหุ้น 7 นางฟ้า และกระแส AI

ตลาดหุ้นเอเชียขานรับ Nikkei ทำนิวไฮ

ดัชนีนิกเกอิ 225 ตลาดหุ้นโตเกียว เปิดตลาดบวกขึ้นอย่างร้อนแรง 507.95 จุด หรือ +1.27% ขึ้นไปอยู่ที่ 40,511.55 จุด ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ โดยปรับตัวตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อวานนี้

ขณะที่ดัชนีคอมโพสิตตาดหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี โดยบวกไป 1.52% ไปสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2565 ล่าสุด ณ เวลา 08.00 น. เคลื่อนไหวอยู่ที่ 2,729.95 จุด หรือบวกไป 1.48%