ตลาดขานข่าวดีรับ 'เฟด' หุ้นทุบสถิติ 2 วันติด - ทองคำไปต่อครึ่งปีหลัง

ตลาดขานข่าวดีรับ 'เฟด' หุ้นทุบสถิติ 2 วันติด - ทองคำไปต่อครึ่งปีหลัง

ตลาดการลงทุนต่างประเทศยังตอบรับข่าวดีเฟด 2 วันติดต่อกัน หุ้นสหรัฐ-ญี่ปุ่น ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องวันที่สอง ส่วนทองแม้เจอแรงเทขายทำกำไร แต่นักวิเคราะห์มองว่าราคายังไปได้ต่อในครึ่งปีหลัง เพราะแบงก์ชาติทั่วโลกยังกว้านตุนทองคำสำรอง

ตลาดสินทรัพย์ในต่างประเทศนำโดยตลาดหุ้นยังคงทำราคาขึ้นไปแตะระดับสูงสุดทุบสถิติใหม่เป็นวันที่ 2 ติดต่อกันในวันนี้ (22 มี.ค.) ภายหลังผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันที่ 20 มี.ค. มีการส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐลง 3 ครั้ง ในปี 2566 ซึ่งถือเป็นข่าวดีของสินทรัพย์การลงทุนหลายประเภทที่จะมีสภาพคล่องเข้ามาในระบบมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
 

ดัชนีนิกเกอิ 225 ตลาดหุ้นโตเกียว ขึ้นไปทุบสถิติสูงสุดครั้งใหม่เหนือ 41,000 จุด โดยบวกขึ้นไป 0.48% อยู่ที่ 41,011 จุดระหว่างการซื้อขายเมื่อช่วงเช้าวันนี้ หุ้นญี่ปุ่นได้แรงหนุนจากข่าวดีดัชนีเงินเฟ้อเดือน ก.พ. ขยายตัวขึ้น 2.8% จากระดับ 2.1% ในเดือน ม.ค. และยังเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนที่อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นขยายตัวด้วย    

ทางด้านตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีหลักทั้ง 3 ตัว ปิดตลาดในราคาสูงสุดทุบสถิติใหม่เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 269.24 จุด หรือ 0.68% ปิดที่ 39,781.37 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 16.91 จุด หรือ 0.32% ปิดที่ 5,241.53 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 32.43 จุด หรือ 0.20% ปิดที่ 16,401.84 จุด

ขณะที่สถานการณ์ราคา "ทองคำ" นั้น หลังจากที่พุ่งทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ไปทะลุระดับ 2,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ทั้งในส่วนของสัญญาฟิวเจอร์สทองคำในตลาด Comex และส่วนของราคาทองสปอต (Spot) แต่ระหว่างวันก็มีแรงเทขายทำกำไรส่งผลให้ราคาปิดของสัญญาทองคำตลาด COMEX เมื่อคืนนี้ บวกไป 23.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,184.70 ดอลลาร์/ออนซ์

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานอ้างมุมมองกลุ่มนักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ว่า ราคาทองคำยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องอีกในช่วงครึ่งปีหลังนี้ แม้จะทำราคาสูงสุดทุบสถิติไปแล้วก็ตาม เนื่องจากได้แรงหนุนของ "ธนาคารกลาง" หลายแห่งที่เดินหน้าซื้อทองคำในปริมาณมากเป็นประวัติการณ์

นายฟาน เส้าข่าย หัวหน้าฝ่ายธนาคารกลางโลกของสภาทองคำโลก (WGC) กล่าวว่า ธนาคารกลางหลายแห่งซึ่งเข้าซื้อทองคำในปริมาณสูงสุดเป็นประวัติการตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ยังคงเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่อย่างต่อเนื่องในปี 2567

ตลาดขานข่าวดีรับ \'เฟด\' หุ้นทุบสถิติ 2 วันติด - ทองคำไปต่อครึ่งปีหลัง

กลุ่มนักวิเคราะห์ระบุว่า การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางหลายแห่งเป็นปัจจัยที่หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังอยู่ในระดับสูงและสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังอยู่ในระดับแข็งค่าก็ตาม นอกจากนี้ ยังได้แรงหนุนจากปัจจัยเรื่องความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองและการเงิน

นายอาคาช โดชิ หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์ประจำตลาดอเมริกาเหนือของซิตี้กรุ๊ป กล่าวว่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ธนาคารกลางรัสเซียและจีนเป็นสองประเทศผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก แต่ภายในช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีธนาคารกลางหลายแห่งมากขึ้นที่เข้าซื้อทองคำ

นายโดชิคาดการณ์ด้วยว่า ราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจนไปถึงระดับ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 เนื่องจากปัจจัยการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ และการที่มีแรงซื้อจากธนาคารกลางอย่างต่อเนื่อง 

ทั้งนี้จากข้อมูลของสภาทองคำโลกพบว่า ในกลุ่มธนาคารกลางทั่วโลก ธนาคารกลางจีน (พีบีโอซี) เป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลกในปี 2566 โดยซื้อทองคำสุทธิมากถึง 224.88 ตัน ขณะเดียวกัน นักลงทุนจีนเข้าซื้อทองคำมากขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจจีนอ่อนแอและเกิดวิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์จีน โดยการลงทุนทองคำส่วนบุคคลของจีนยังคงแข็งแกร่ง

ข้อมูลระบุว่า จีนเบียดอินเดียก้าวขึ้นสู่สถานะผู้ซื้อทองรูปพรรณรายใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2566 โดยผู้บริโภคจีนซื้อทองรูปพรรณ 603 ตันในปีที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% จากปี 2565 ส่วนในอินเดีย แม้ว่าอุปสงค์ทองรูปพรรณจะยังคงเด่นชัด แต่ราคาทองคำที่แพงขึ้นอาจบั่นทอนความต้องการซื้อบางส่วน โดยอุปสงค์ทองคำรูปพรรณของอินเดียลดลง 6% สู่ระดับ 562.3 ตันในปี 2566 จากปีก่อนหน้า

ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานก่อนหน้านี้ว่า ธนาคารกลางจีนได้เพิ่มการซื้อทองคำเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการซื้อเพิ่มติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16 แล้ว และการตะลุยซื้อต่อเนื่องของรายใหญ่อย่างจีนยังช่วยสนับสนุนราคาทองไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วย
 
รายงานระบุว่า ณ สิ้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนถือครองทองคำเพิ่มขึ้นประมาณ 3.9 แสนออนซ์ ส่งผลให้มีทองคำที่ถืออยู่ทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 2,257 ตัน 

ทองไทยทำออลไทม์ไฮ 38,150 บาท

ราคาทองคำไทยเมื่อวานนี้ (21 มี.ค.67) เปิดตลาดพุ่ง 700 บาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทองแท่งที่บริเวณ 37,550 บาท และทองรูปพรรณที่บริเวณ 38,150 บาท โดยราคาทองปรับระยะหว่างวัน 7 ครั้ง ปรับขึ้น 5 ครั้ง โดยปรับขึ้นสูงสุด 700 บาท

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผย “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ราคาทองคำเปิดตลาดวานนี้พุ่งแรงขนาดนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  ซึ่งในเดือน มี.ค.นี้ ราคาทองคำปรับขึ้นตลอด มีปรับลง 50 บาท เพียง 2 ครั้งเท่านั้น

การคงดอกเบี้ยของเฟด และคาดการณ์เฟดขึ้นดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้ ไม่น่าจะเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นได้แรงเท่านี้ แต่น่าจะมีธนาคารกลางต่างประเทศรายใหญ่ซื้อทองคำต่อเนื่องจำนวนมาก 

หากราคาทองคำปรับขึ้นมายืนเหนือระดับ 38,000 บาท ได้ คาดว่าจะเห็นราคา 40,000 บาทได้ไม่ยาก หลังจากที่คาดว่าปีนี้อาจไม่เห็น  และราคาทองคำไม่น่าปรับลดลงแรง 

นายวรุต รุ่งขำผู้อำนวยการ นักวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด หรือ YLG ระบุ ปัจจัยพื้นฐานหนุนราคาทองคำพุ่งทำออลไทม์ไฮใหม่รอบนี้ มาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ หลังเฟดคงอัตราดอกเบี้ย และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ 3 ครั้งเท่าเดิม