ดาวโจนส์เปิดตลาดร่วงทันที 500 จุด รับจีดีพีสหรัฐโตต่ำกว่าคาดแค่ 1.6%
ดาวโจนส์ร่วงแรงทะลุ 500 จุด รับตัวเลขจีดีพีสหรัฐไตรมาสแร โตต่ำกว่าคาดการณ์ไปเยอะ เหตุเงินเฟ้อฉุดการใช้จ่ายผู้บริโภค และยิ่งทำให้แนวโน้มเฟดลดดอกเบี้ยยิ่งเลือนรางลง
ดัชนีดาวโจนส์ เปิดตลาดปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 20.45 น. ดิ่งลงแล้วถึง 515.17 จุด หรือราว 1.34% มาอยู่ที่ 37,945.75 จุด หลังเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 1 ปีนี้ ขยายตัวต่ำกว่าคาดท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่งสูง จนกดดันการใช้จ่ายของผู้บริโภค
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1 ปีนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวได้เพียง 1.6% หรือต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.4% โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งนับเป็นการเติบโตที่ชะลอตัวลงมากเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ซึ่งขยายตัวได้ถึง 3.4%
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในไตรมาส 1 ดีดตัวขึ้น 3.4% หรือสูงขึ้นมากเมื่อเทียบไตรมาส 4 ปีก่อนที่ 1.8% ทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งสูง ซึ่งจะเป็นปัจจัยทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาดไว้
ขณะเดียวกัน การซื้อขายในตลาดยังได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของหุ้นบริษัท เมตา แพลตฟอร์มส์ อิงค์ (Meta) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม
ราคาหุ้นของเมตาดิ่งลงกว่า 15% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นสหรัฐวันที่ 25 เม.ย. หลังนักลงทุนผิดหวังต่อตัวเลขคาดการณ์ยอดขายในไตรมาส 2 ปีนี้ ซึ่งบริษัทคาดการณ์ว่าจะอยู่ในช่วง 3.65-3.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งมีค่ากลางต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์เฉลี่ยของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.83 หมื่นล้านดอลลาร์
การเปิดเผยรายงานผลประกอบการของเมตาสร้างความวิตกต่อนักลงทุนก่อนการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มเทคโนโลยี โดยบริษัท ไมโครซอฟท์ คอร์ป (Microsift) และอัลฟาเบท อิงค์ (Alphabet) มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการหลังจากปิดตลาดวันนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ที่ 26 เม.ย. ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ที่รวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.5% ในเดือนก.พ.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค. จากระดับ 0.3% เช่นกันในเดือนก.พ.