ดาวโจนส์พุ่ง 200 จุด ปิดทำนิวไฮ รับแนวโน้ม 'ทรัมป์' กวาดเสียงเลือกตั้งเพิ่ม
ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งทะยาน ดาวโจนส์บวก 210.82 จุด ปิดสูงสุดทุบสถิติใหม่ รับแนวโน้ม 'ทรัมป์' จ่อกวาดคะแนนเสียงเพิ่มหลังรอดพ้นการลอบยิง ขณะที่ 'พาวเวล' ย้ำอีกรอบ เฟดไม่ต้องรอให้เงินเฟ้อลงถึง 2% ก่อนลดดอกเบี้ย
เมื่อวันจันทร์ที่ 15 ก.ค.67 ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกโดยดัชนีดาวโจนส์ และเอสแอนด์พี 500 พุ่งขึ้นไปทำสถิติใหม่ระหว่างการซื้อขาย หลังจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า เหตุลอบยิงอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะช่วยให้ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันรายนี้ยิ่งได้คะแนนเสียงเพิ่มในศึกเลือกตั้งปลายปี
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่กล่าวย้ำอีกครั้งว่า เฟดไม่ต้องรอให้เงินเฟ้อลงถึง 2% ก่อนจะลดดอกเบี้ย
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones) บวก 210.82 จุด หรือ +0.53% ปิดที่ 40,211.72 จุด
- ดัชนีเอสแอนด์พี 500 (S&P 500) บวก 15.87 จุด หรือ +0.28% ปิดที่ 5,631.22 จุด
- ดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิต (Nasdaq) บวก 74.12 จุด หรือ +0.40% ปิดที่ 18,472.57 จุด
ทั้งนี้ Dow Jones และ S&P 500 พุ่งขึ้นไปทำสถิติใหม่ระหว่างการซื้อขาย และดาวโจนส์สามารถปิดตลาดในราคานิวไฮด้วย
"ข่าวดีก็คือ อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้รับบาดเจ็บมากไปกว่าที่ใบหู เขารอดตายมาได้ ดังนั้นผมจึงคิดว่าตลาดจะยังคงโมเมนตัมเช่นนี้ต่อ" แซม สโตวัล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของ CFRA Research กล่าวกับซีเอ็นบีซี
ในขณะที่การประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันที่มิลวอกี รัฐวิสคอนซิน เมื่อวานนี้ก็มีการประกาศว่าทรัมป์มีคะแนนนำประธานาธิบดี โจ ไบเดน ในโพลล์ระดับประเทศเช่นกัน
ดัชนีรัสเซล 2000 ซึ่งใช้วัดผลการดำเนินงานของบริษัทขนาดเล็กสุด 2,000 บริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น 1.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2565 และบวกติดต่อกัน 4 วันทำการ โดยโกลด์แมน แซคส์ มองว่าชัยชนะสมัยที่สองของทรัมป์จะเป็นผลดีต่อหุ้นขนาดเล็ก เมื่อวัดจากชัยชนะครั้งที่แล้วในการเลือกตั้งปี 2559
เฟดไม่รอให้เงินเฟ้อลงถึง 2%
เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งวอชิงตัน ดี.ซี.วานนี้ว่า เฟดจะไม่รอจนกว่าเงินเฟ้อปรับตัวสู่เป้าหมาย 2% ก่อนที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการย้ำถ้อยแถลงเหมือนที่เคยกล่าวในแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงิน และภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
"เหตุผลในเรื่องนี้ก็คือ ถ้าคุณรอจนกว่าเงินเฟ้อลงถึง 2% จะกลายเป็นว่าคุณรอนานเกินไป เนื่องจากมาตรการคุมเข้มทางการเงินที่คุณกำลังใช้อยู่ หรือระดับความตึงตัวที่คุณใช้ ยังคงส่งผลกระทบซึ่งอาจทำให้เงินเฟ้อลดลงต่ำกว่า 2%"
"ดังนั้น สิ่งที่เฟดกำลังมองหาก็คือ 'ความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น' ว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวกลับสู่ระดับ 2% ซึ่งสิ่งที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นดังกล่าวก็คือ ข้อมูลเงินเฟ้อที่ดีจำนวนมากขึ้น และเมื่อไม่นานมานี้เราก็เริ่มเห็นข้อมูลเงินเฟ้อที่ดีดังกล่าวแล้ว" พาวเวล กล่าวและระบุด้วยว่า เขาไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญกับภาวะทรุดตัวลงอย่างรุนแรง หลังมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์