ดาวโจนส์ปิดตลาดนิวไฮ! แต่ S&P500 และ Nasdaq กอดคอร่วง

ดาวโจนส์ปิดตลาดนิวไฮ! แต่ S&P500 และ Nasdaq กอดคอร่วง

ดาวโจนส์ปิดตลาดสูงสุดทุบสถิติใหม่ แต่ S&P500 และ Nasdaq กอดคอร่วง เจอแรงฉุดจาก 'อินวิเดีย' และหุ้น 7 นางฟ้า ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีการใช้จ่ายผู้บริโภค PCE สัปดาห์นี้

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดตลาดในแดนบวกสูงสุดทุบสถิติใหม่ในวันจันทร์ที่ 26 ส.ค.67 แต่ดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones) ปิดบวก 65.44 จุด หรือ +0.16% ปิดที่ 41,240.52 จุด
  • ดัชนีเอสแอนด์พี 500 (S&P 500) ปิดลบ 17.77 จุด หรือ -0.32% ปิดที่ 5,616.84 จุด
  • ดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิต (Nasdaq) ปิดลบ 152.03 จุด หรือ -0.85% ปิดที่ 17,725.76 จุด

ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ ส่วนดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดดีดตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ และหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ซึ่งต่างก็ปรับตัวขึ้นราว 1%

หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 1.12% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวลง 0.81% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดที่ 1.11% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวขึ้น 0.72%

หุ้นอินวิเดีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 2.25% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการในวันพุธ (28 ส.ค.67) โดยคาดว่ารายงานผลประกอบการของอินวิเดียจะเป็นข้อมูลที่ตลาดจับตามากที่สุดในสัปดาห์นี้

นักลงทุนบางส่วนกังวลว่า หากตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการของอินวิเดียไม่ได้ออกมาแข็งแกร่งอย่างที่คาดหวังไว้ ก็อาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ AI ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์, อัลฟาเบท และเมตา แพลตฟอร์มส์

หุ้นเทสลา ร่วงลง 3.2% หลังจากรัฐบาลแคนาดาประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนในอัตรา 100% โดยคำประกาศดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามแนวทางของสหรัฐ และสหภาพยุโรป (อียู)

ก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 ส.ค.67) หลังจากเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 70% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. และให้น้ำหนัก 30% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้า และบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหาร และพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.5% เช่นกันในเดือนมิ.ย. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหาร และพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนมิ.ย.67

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์