โพลนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาด ‘เฟด’ หั่นดอกเบี้ยลง 0.25% ศก.ไม่เข้าภาวะถดถอย
ผลสำรวจ CNBC Fed Survey ล่าสุดชี้ให้เห็นว่า นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อรักษาการลงจอดแบบนุ่มนวลของเศรษฐกิจ ขณะที่ความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังคงมีอยู่ แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม “CNBC Fed Survey” ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ที่ติดตามนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งแตกต่างจากการคาดการณ์ของตลาดที่คาดหวังการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วกว่า
จากการสำรวจพบว่า 84% ของผู้ตอบแบบสอบถาม 27 คน ซึ่งประกอบด้วยนักเศรษฐศาสตร์ ผู้จัดการกองทุน และนักยุทธศาสตร์ คาดการณ์ว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในขณะที่ 16% คาดการณ์ว่าจะมีการลดลง 0.50%
จอห์น โดนัลด์สัน ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารหนี้แห่งบริษัท Haverford Trust เชื่อว่า การคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ย 8 ครั้งใน 6 การประชุมนั้นรุนแรงเกินไปหรือไม่น่าจะเป็นไปได้ ซึ่งการลดอัตราดอกเบี้ยมากถึงขนาดนี้ จะเป็นสัญญาณของ “การลงจอดแบบแข็ง” ซึ่งหมายถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรง มากกว่า “การลงจอดแบบนุ่มนวล” ที่เศรษฐกิจชะลอลงแบบค่อยเป็นค่อยไป
ด้านแบร์รี แคนป์ จาก Ironsides Macroeconomics ผู้ให้บริการด้านกลยุทธ์การลงทุนเชิงเศรษฐกิจมหภาคมองว่า “เราคาดการณ์คณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดจะให้สัญญาไม่มากพอ หรือ ไม่ทำตามสัญญา หรืออาจจะทั้งสองอย่าง”
นอกจากนี้ ร้อยละ 74 ของผู้ตอบแบบสำรวจประเมินว่า การลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนมาทันเวลาที่จะรักษาการลงจอดแบบนุ่มนวลของเศรษฐกิจ โดยมีเพียงร้อยละ 15 เท่านั้นที่มองว่าสายเกินไปแล้ว
โดยรวมแล้ว ความน่าจะเป็นของ “การลงจอดแบบนุ่มนวลทางเศรษฐกิจ” อยู่ที่ 53% ซึ่งใกล้เคียงกับระดับตั้งแต่เดือนมีนาคม ขณะที่โอกาสของ “ภาวะเศรษฐกิจถดถอย” เพิ่มขึ้นเป็น 36% ซึ่งสูงกว่าระดับต่ำสุดเมื่อเร็ว ๆ นี้ในเดือนมิถุนายน
ส่วนด้านแนวโน้มการเติบโต ผลสำรวจความเห็นชี้ว่า มีแนวโน้มยังคงอยู่ที่ 2% สำหรับปีนี้และอาจลดลงเหลือ 1.7% สำหรับปี 2025 ซึ่งยังคงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับศักยภาพทางเศรษฐกิจ และไม่ใช่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
“เศรษฐกิจกำลังเติบโตเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปี 2567 และเฟดมีเวลาที่จะลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป” ไมเคิล อิงลันด์ จาก Action Economics กล่าว
อ้างอิง: cnbc