แบงก์ชั้นนำทั่วโลกแห่ปรับเป้าราคาทองขึ้น คาดทะยานต่อถึงปี 68 แนะให้เข้าลงทุน

แบงก์ชั้นนำทั่วโลกแห่ปรับเป้าราคาทองขึ้น คาดทะยานต่อถึงปี 68 แนะให้เข้าลงทุน

การไหลเข้าของเงินลงทุนสู่กองทุน ETF ทองคำ และธนาคารกลางหลายแห่งยังคงมีความต้องการซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง กำลังผลักดันให้ราคาทองคำสูงขึ้น ซึ่งเป็นที่คาดว่าราคาทองคำจะทำสถิติใหม่ในปี 2568

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า เหล่าธนาคารรายใหญ่คาดการณ์ว่า “ราคาทองคำ” จะยังคงทำสถิติสูงขึ้นต่อเนื่องจนถึงปี 2568 เนื่องจากมีการไหลเข้าของเงินลงทุนจำนวนมากกลับเข้าสู่กองทุนรวม ETF อีกครั้ง และเป็นที่คาดว่าธนาคารกลางชั้นนำทั่วโลก รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม

ธนาคาร Citi ระบุในรายงานว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ช่วงท้ายของวัฏจักร และตลาดแรงงานมีแนวโน้มชะลอตัวลง อีกทั้งธนาคารกลางหลายแห่งยังคงมีความต้องการซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ทองคำยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นหากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นจากความตึงเครียดในแถบตะวันออกกลาง

ทั้งนี้ ธนาคาร Citi ปรับเพิ่มประมาณการราคาทองคำในระยะ 3 เดือนขึ้นเป็น 2,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเดิมที่ 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเพิ่มว่าประมาณการในระยะ 6 ถึง 12 เดือนอยู่ที่ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกทั้งธนาคารยังปรับเพิ่มประมาณการราคาแร่เงินในระยะ 6 ถึง 12 เดือนขึ้นเป็น 40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเดิมอยู่ที่ 38 ดอลลาร์ต่อออนซ์

“แม้ว่าความต้องการทองคำ และแร่เงินจากผู้บริโภคชาวจีนจะชะลอลง อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% และตัวเลขการจ้างงานก็ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนที่ผ่านมา แต่ก็ยังน่าสังเกตว่า ราคาทองคำ และแร่เงินยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง” ธนาคาร Citi ระบุในรายงาน

ด้าน Goldman Sachs แนะนำให้ลงทุนในทองคำในระยะยาว โดยให้เหตุผลว่า อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ความต้องการทองคำของธนาคารกลางที่เพิ่มขึ้น และความสามารถของทองคำในการป้องกันความเสี่ยงจากสถานการณ์ต่างๆ เช่น ความขัดแย้งทางการเมือง ปัญหาทางเศรษฐกิจ และภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจสำหรับการลงทุน

นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ประเมินว่า การซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก ซึ่งแม้จะลดลงบ้าง แต่ก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในการผลักดันราคาทองคำให้แตะระดับ 2,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงต้นปี 2568 โดยคาดว่าจะช่วยเพิ่มราคาทองคำได้ประมาณสองในสามของเป้าหมายดังกล่าว

ขณะเดียวกัน การไหลเข้าของเงินลงทุนในกองทุน ETF ทองคำที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น หลังจากธนาคารกลางสหรัฐปรับลดอัตราดอกเบี้ย จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งในสาม

ทองคำซึ่งไม่ได้ให้ผลตอบแทนจากดอกเบี้ย ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 32% หรือราว 652 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นับเป็นการเพิ่มขึ้นที่สูงที่สุดในรอบ 17 ปี ทำให้ทองคำกลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่น่าจับตามองที่สุดในปี 2567 นอกจากนี้ ราคาทองคำยังทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์หลายครั้งในปีนี้ โดยแตะระดับสูงสุดที่ 2,740.37 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

ขณะที่นักวิเคราะห์จาก J.P. Morgan มองว่า ความต้องการทองคำที่แข็งแกร่งจากจีน และธนาคารกลางได้สนับสนุนราคาทองคำในช่วงสองปีที่ผ่านมา รวมถึงกระแสเงินของนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มขึ้นของกองทุน ETF ที่เน้นนักลงทุนรายย่อย ยังคงเป็นกุญแจสำคัญที่ผลักดันราคาทองคำให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เฟดกำลังลดอัตราดอกเบี้ย

ต่อไปนี้เป็นรายการคาดการณ์ราคาทองคำ (ต่อออนซ์) ในปี 2567 และ 2568 จากเหล่าโบรกเกอร์ธนาคาร

โบรกเกอร์                   ราคาในปี 2567        ราคาในปี 2568

Commerzbank           2,600 ดอลลาร์        2,600 ดอลลาร์

ANZ                            2,394 ดอลลาร์        2,805 ดอลลาร์

Macquarie                  2,339 ดอลลาร์        2,463 ดอลลาร์

Goldman Sachs         2,395 ดอลลาร์        2,973 ดอลลาร์

UBS                            2,700 ดอลลาร์      ภายในกลางปี 68

BofA                           2,365 ดอลลาร์        2,750 ดอลลาร์

J.P. Morgan                2,398 ดอลลาร์        2,775 ดอลลาร์

Citi Research             2,400 ดอลลาร์        2,900 ดอลลาร์
 

 

อ้างอิง: reutersreuters(2)

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์