จีนพยุงหยวนสู้ศึก! แทรกแซงค่าเงิน หลังหยวนอ่อนค่าสุดในรอบปี

จีนพยุงหยวนสู้ศึก! แทรกแซงค่าเงิน หลังหยวนอ่อนค่าสุดในรอบปี

จีนเดินหมากเชิงรุกรักษาเสถียรภาพของ ‘ค่าเงินหยวน’ หลังจากแตะระดับ ‘ต่ำสุด’ ในรอบปี โดยธนาคารกลางจีนใช้อำนาจกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงเพื่อหนุนค่าเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้น ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า หลังจากเงินหยวนอ่อนค่าลงแตะระดับ “ต่ำสุด” ในรอบปี จีนจึงเข้ามาแทรกแซงเพื่อหนุนค่าเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้น โดยการกำหนดอัตราอ้างอิงรายวันให้อยู่ในระดับที่สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงเงินหยวนต่อดอลลาร์ที่ 7.1934 ซึ่งแข็งค่ากว่าระดับสำคัญ 7.2 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ในแบบสำรวจของ Bloomberg นับเป็นระดับที่แข็งค่าที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม

นับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ จีนได้ใช้เครื่องมือหลักในการควบคุมค่าเงินหยวนให้แข็งค่ากว่าระดับ 7.2 หยวนต่อดอลลาร์ เพื่อรับมือกับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนอาจยอมให้อัตราแลกเปลี่ยนอ่อนค่าลง โดยการที่จีนยึดระดับ 7.2 ไว้ได้ แสดงให้เห็นถึงความพยายามรักษาเสถียรภาพของค่าเงินหยวน และ “ป้องกัน” ไม่ให้เกิดความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนว่า ค่าเงินหยวนจะอ่อนค่าลงเรื่อย ๆ

ทั้งนี้ ทางการจีนกำลังพยายามชะลอการอ่อนค่าของเงินหยวนจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน และความตึงเครียดทางการค้าที่จุดชนวนอีกครั้ง เนื่องจากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม จนกระทั่งเงินวอนของเกาหลีใต้ร่วงลง เนื่องจากการประกาศใช้กฎอัยการศึกในระยะสั้น

ส่วนสกุลเงินจีน เป็นสกุลที่มีผลการดำเนินงานแย่ที่สุดในเอเชียในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดยอ่อนค่าลงประมาณ 2% เมื่อเทียบกับดอลลาร์

ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจีนและสหรัฐกำลังขยายตัว เนื่องจากการเดิมพันที่เพิ่มขึ้นว่า ธนาคารกลางจีนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย จนกระตุ้นให้นักลงทุนซื้อสกุลเงินที่มีผลตอบแทนสูงกว่าในต่างประเทศ 

สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของจีนได้ลดลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในวันจันทร์ (2 ธ.ค.) ที่ผ่านมา โดยต่ำกว่าพันธบัตรเทียบเท่าของสหรัฐมากกว่า 2 เปอร์เซ็นต์

ในปัจจุบัน ค่าเงินหยวนอยู่ที่ระดับ 7.27 หยวนต่อ 1 ดอลลาร์ แข็งค่ามากขึ้นจาก 7.30 หยวนต่อ 1 ดอลลาร์ในวันที่ 3 ธ.ค. 2567

อ้างอิง: bloomberg