กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ ปรับขึ้นต่อ ปัจจัยต่างประเทศและฟันด์โฟลว์ดูดีขึ้น
แนวโน้มฟื้นตัวต่อจากปลายสัปดาห์ที่แล้ว ปัจจัยต่างประเทศเป็นบวกมากขึ้น
ในสัปดาห์ที่แล้ว (5-9 กันยายน) ตลาดหุ้นไทยผันผวนอย่างหนัก แต่แนวโน้มหลักยังคงเป็นการขึ้นแบบ sideways up ซึ่งดีกว่าที่เราคาดเอาไว้อย่างมาก โดยในขณะที่ปัจจัยลบจากปัจจัยภายนอก อย่างเช่นความกลัวเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย และราคาน้ำมันที่ลดลงจะกดดันสินทรัพย์เสี่ยงอยู่พอสมควร แต่ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยเฉพาะตัวที่ช่วยสนับสนุนอยู่ อย่างเช่น i) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เราปรับเพิ่มสมมติฐานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้เพิ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และ ii) หุ้นขนาดใหญ่ที่ไม่ค่อยมีสภาพคล่องในตลาดอย่างเช่น DELTA* วิ่งขึ้นมาแรง โดยในช่วงหลายวันที่ผ่านมา นักลงทุนมองว่า DELTA* มีโอกาสสูงที่จะถูกนำเข้าไปร่วมคำนวณดัชนี SET50 ในปี 2566 ถ้าหากตลาดหลักทรัพย์ปรับเกณฑ์เกี่ยวกับ % ของ turnover ratio
ในสัปดาห์นี้ (12-16 กันยายน) เราคาดว่าดัชนี SET จะยังคงอยู่ในโหมด sideways up ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว ถึงแม้ตอนนี้ตลาดจะคาดว่า FOMC น่าจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 75bps ในการประชุมสัปดาห์หน้า แต่พฤติกรรมในตลาดเงิน โดยเฉพาะค่าเงิน USD ที่อ่อนค่าลงในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทำให้เราเชื่อว่าตลาดน่าจะสะท้อนความคาดหวังเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ เนื่องจากสัปดาห์นี้เข้าสู่ช่วง blackout period ก่อนการประชุม Fed แล้ว ดังนั้นจึงไม่มี
ผู้บริหาร Fed ที่มีกำหนดกล่าวปาฐกถาในสัปดาห์นี้ ในขณะเดียวกัน ค่าเงินบาทจะได้แรงหนุนทางอ้อมจากการที่ค่าเงิน EUR ดีดตัวขึ้นในระยะสั้น เพราะตลาดคาดว่า ECB จะมีท่าที hawkish มากขึ้นจากการที่เงินเฟ้อในยุโรปเร่งตัวขึ้น ดังนั้น เราจึงคาดว่ากระแสเงินทุนไหลเข้าเอเชียจะดีขึ้น และ ช่วยหนุนตลาดหุ้น ทั้งนี้ ความเสี่ยงหลักในสัปดาห์นี้ได้แก่ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐออกมาสูงเกินคาด
ดัชนี CPI และยอดค้าปลีกของสหรัฐ รวมถึงข่าวการเมืองในประเทศจะเป็นปัจจัยหลักของตลาด
ปัจจัยภายนอก: ในวันที่ 13 กันยายน สหรัฐมีกำหนดจะรายงานดัชนี CPI เดือนสิงหาคม ซึ่งเรามองว่าเป็นตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดที่จะออกมาในสัปดาห์นี้ โดย Consensus คาดว่าดัชนี CPI จะเพิ่มขึ้น 8.1% YoY ชะลอลงจาก 8.5% YoY ในเดือนกรกฎาคม ในขณะที่คาดว่าดัชนี core CPI จะเร่งตัวขึ้นเป็น 6.1% YoY จาก 5.9% YoY ในเดือนกรกฎาคม นอกจากนี้ ในวันที่ 15 กันยายนจะมีการรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐในเดือนสิงหาคม ซึ่งจะเป็นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงโมเมนตัมการ
บริโภคสหรัฐใน 3Q65
ปัจจัยภายใน: ในวันที่ 14 กันยายน ศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดจะประชุมนัดที่สองเพื่อพิจารณาระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาตามกรอบกฎหมาย ซึ่งหากมีการกำหนดกรอบเวลาการประกาศคำตัดสินจะส่งผลดีต่อภาวะตลาด
ยังเน้นลงทุนต่อ โดยให้สะสมหุ้นในภาวะที่ตลาดอ่อนแอ
เนื่องจากตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวดีกว่าที่เราคาดไว้ และเรามองว่ามีโอกาสที่โมเมนตัมขาขึ้นจะดำเนินต่อไป เราจึงแนะนำให้นักลงทุนคงสถานการณ์ถือครองหุ้นเอาไว้ และสะสมหุ้นเพิ่มในภาวะที่ตลาดอ่อนแอ โดยเรายังคงเน้นธีมการลงทุนเดือนกันยายน ได้แก่กลุ่มธนาคาร และท่องเที่ยว อย่างเช่น KBANK*, SCB*, AOT* และ CPALL* นอกจากนี้ เรายังชอบหุ้นขนาดกลางที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจากการวางจำหน่ายสินค้าใหม่ อย่างเช่น COM7* รวมถึงมาตรการกระตุ้นการบริโภค และ
การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ อย่างเช่น SINGER*, SNNP และ TNP ด้วย