เงินเฟ้อและค่าเงินดอลลาร์ฯ ยังเป็นปัจจัยกำหนดโทนตลาด

และตลาดรอติดตามการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ส.ค. ซึ่งคาดการณ์ล่าสุดของ Bloomberg Concensus อยู่ที่ -0.1% MoM และ +8.1% YoY (จาก ก.ค.ที่ 0.0% MoM และ +8.5% YoY) หรือมองชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง ซึ่งหากเป็นไปตามนั้นจะส่งผลให้ เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอตัวลง

 

สถานการณ์รบในยูเครนอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่บวกต่อการลงทุน กองทัพยูเครนสามารถตีโต้กลับจนเข้ายึดพื้นที่รอบคาคีฟ และยึดเส้นทางส่งกำลังบำรุงที่สำคัญได้ หากประสบความสำเร็จในการรุกคืบด้านตะวันออก จะส่งผลให้มีโอกาสตัดเส้นทางเชื่อมต่อทางใต้ และอาจจะกักกองทัพของรัสเซียจำนวนมากไว้ที่เคอร์ซอน โมเมนตัมของการรบที่เริ่มเปลี่ยนไปยังฝั่งยูเครนมีโอกาสส่งผลเชิงบวกต่อการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง ราคาน้ำมันดิบ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ 
 

ประชุมครม.มาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพและปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็นบวกต่อหุ้นเน้นการบริโภคในประเทศ การประชุมครม.วันนี้ คาดมีการเสนอมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ อุดหนุนค่าไฟฟ้า-น้ำมัน และค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อหุ้นที่เน้นการบริโภคในประเทศ โดยเฉพาะ กลุ่มค้าปลีก จากกำลังซื้อที่น่าจะเพิ่มขึ้น และกลุ่มการเงิน จากคุณภาพลูกหนี้ที่อาจปรับดีขึ้น

 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มได้ประโยชน์จากคนละครึ่งเฟส 5 อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE, TNP, KK, MAKRO 2) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR, MBK 4) มาตรการสนับสนุน EV ได้แก่ EA, GPSC, PIMO  5) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA, STAR5001 6) เก็งกำไรทางเทคนิค CRC, RATCH, CPF, RS, SC, TH, TLI, BAM, EA, BAFS, CK, ASIAN, MBK, SAMART, TPIPL, ARIN, SVT, TFG, MC, TKN 7) ซ่อมแซมบ้านจากน้ำท่วม HMPRO, GLOBAL, DOHOME, DCC

 

ภาพรวมกลยุทธ์: เน้นที่การเลือกตัวหุ้นมากกว่าทิศทางดัชนี การอ่อนค่าของดัชนีค่าเงินสหรัฐฯ ทำให้ภาพตลาดระยะสั้นเป็นบวก อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ เลือกซื้อกลุ่มหุ้นเปิดเมือง (ซื้อ: ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร กองรีทส์/ สะสมค้าปลีก การเงิน) ระยะสั้นกลุ่มหุ้นปลอดภัย หุ้นที่ยังขึ้นน้อย รวมถึงหุ้นขนาดกลางที่มีปัจจัยบวกรายตัว มีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดีกว่า ส่วนกลุ่มพลังงานเก็งกำไรที่แนวรับได้ แต่เลี่ยงหุ้นโรงกลั่นที่กำไรไตรมาส 3 น่าจะชะลอหนัก   //หุ้นแนะนำ:  BAM*, VRANDA*, ASW*, BABA80*

แนวรับ: 1,646-1,659 / แนวต้าน : 1,686 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

 

ประเด็นการลงทุน
 

สหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบในคลังสำรองลดลงต่ำสุดรอบเกือบ 40 ปี – สต็อกน้ำมันดิบในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) ลดลง 8.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้วสู่ระดับ 434.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2527 

ฝรั่งเศสเตรียมกำหนดเพดานราคาพลังงาน แต่ขอประชาชนรับภาระบางส่วน –ชาวฝรั่งเศสจะได้รับการคุ้มครองจากนโยบายกำหนดเพดานราคาพลังงาน แต่ภาคครัวเรือนอาจต้องแบกรับต้นทุนบางส่วนที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย

หุ้นสนามบิน-สายการบินญี่ปุ่นพุ่ง รับความหวังรัฐบาลผ่อนคลายข้อจำกัดเดินทาง – หุ้นบริษัทเจแปน แอร์พอร์ต เทอร์มินัล พุ่งขึ้นกว่า 6% หลังมีข่าวว่ารัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทางเข้าประเทศ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยใช้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของสกุลเงินเยน

ชงครม.พรุ่งนี้ต่ออายุลดภาษีดีเซล-ให้ส่วนลดค่าไฟ –ช่วงเดือนก.ย.-ธ.ค. 65 โดยให้ส่วนลดเป็นแบบขั้นบันได สำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้า 301-500 หน่วย วงเงินประมาณ 9,000 ล้านบาท รวมทั้งการการขยายระยะเวลาปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลต่อจากปัจจุบันที่ปรับลดลง 5 บาท/ลิตรที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 20 ก.ย. 2565 นี้

BTS-BA-STEC ร่วมจัดตั้งบริษัทบริหารเมืองการบินโครงการอู่ตะเภาฯ - จัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ คือ บริษัท ยูทีบี จำกัด (UTB Company Limited) โดย STEC ถือหุ้น 20% ส่งผลให้บริษัทดังกล่าวมีสถานะเป็นบริษัทร่วม ส่วน BA ถือหุ้น 25% และ BTS ถือหุ้น 55%

AIS จ่ายล่วงหน้า 3 พันล้าน ลดกังวลผู้ถือหน่วย JASIF – ADVANC ปรับเงื่อนไขใหม่ยอมจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 3 พันล้าน มั่นใจช่วยให้กองทุนฯแข็งแกร่งขึ้น ต้นทุนลดต่ำลง

คาดออกมาตรการสนับสนุนผู้ผลิตแบตอีวีวันนี้ – อนุบอรด์ส่งเสริมอีวีจะมีการประชุมเตรียมออกมาตรสนับสนุนผู้ผลิตแบตอีวีในวันนี้ โควตา 1 GW ให้วงเงินช่วยเหลือสูงสุด 600 ล้านบาท คาดหวังผลักดันการใช้อีวีแพร่หลาย

Opportunity day – 13 ก.ย. – ALT, UTP, PEACE, BYD, WHAUP, HUMAN / 14 ก.ย. – STECH, PJW, TRT, TRC, SCN, SELIC, ACE / 15 ก.ย. – KTIS, JP, ICN, PPM, CHOW, DRT, FN 

 

ประเด็นติดตาม: 13 ก.ย. – US CPI / 14 ก.ย. - US PPI / 15 ก.ย. – Retial Sales / 16 ก.ย. – EU CPI / 20 ก.ย. – US Building Permits / 21 ก.ย. – US Existing Home Sales, Fed Interest Rate Decision

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)