อ่อนตัว ซื้อเก็งกำไร KKP SCB TLI (22 ก.ย. 2565)

โมเมนตัมลบวันนี้ คือ เฟดยังคงมุมมองเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ แม้วานนี้จะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด ส่งผลให้ตลาดหุ้นยังคงเน้นถือสินทรัพย์ปลอดภัย (Long USD, Defensives Plays)

ไฮไลท์วันนี้ คือ BOJ Meeting คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับเดิม -0.1%; BOE Meeting คาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 50 bps เป็น 2.25%; USA Weekly Initial Jobless Claims คาด 218k (Vs สัปดาห์ก่อน 213k), CB Leading Index เดือน ส.ค. คาด -0.1% MoM (Vs เดือน ก.ค. -0.4% MoM); ดุลการค้าไทยเดือน ส.ค. คาดขาดดุล -USD3.4bn. ส่งออก +7.35% YoY นำเข้า +18.05% YoY (Vs เดือน ก.ค. ขาดดุล -USD3.66bn. ส่งออก 4.3% YoY นำเข้า +23.9% YoY)

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ

+ KTX Portfolio: พอร์ต Big Cap แนะนำ GULF CRC JMART TCAP JMT CENTEL BH BEM AOT EA PTG WHA KKP CPN MINT KTB BDMS

+ Daily Recommendations: KKP SCB TLI (ได้ประโยชน์จำกโอกำสในกำรปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบำยของกนง. ในกำรประชุมวันที่ 28 ก.ย. หลังจำกเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบำย 0.75% สู่ระดับ 3.25% ในค่ำคืนที่ผ่ำนมำ)

+ หุ้นที่ได้ประโยชน์แนวโน้ม Bond Yields ปรับตัวสูง: BBL KBANK SCB TIPH TLI

+ หุ้นได้ประโยชน์จากจานวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น: CENTEL ERW AOT

+ หุ้นกลุ่มได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า: DELTA SAPPE

 

ปัจจัยลบ

- USA: เฟดยังคงมีแนวโน้มเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย สะท้อนจาก ถ้อยแถลงที่ยังคงมีความ Hawkish ขณะที่ Dot Plot คาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบาย สิ้นปี 2022E เพิ่มขึ้นจาก 3.8% เป็น 4.4% พร้อมทั้งลดคาดการณ์การเติบโตของ 2022E GDP จำก 1.7% เหลือเพียง 0.2%

 

- ดุลการค้าไทย: ตลาดคาดว่ารายงานดุลการค้าไทยเดือน ส.ค. จะขาดดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 จำนวน -USD3.4bn. ซึ่งดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน ก.ค. ที่ขาดดุลสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2019 ที่ -USD3.66bn. ทั้งนี้ 7M22 ขาดดุลการค้าไปแล้ว -USD9.9bn. และคาดว่าจะยังคงขาดดุลสะสมต่อเนื่องในช่วงที่เหลือปีนี้ จากแนวโน้มส่งออกที่คาดว่าจะเติบโตลดลง (เหลือ +4%) ตามภาวะการค้าโลกที่ชะลอตัวตามเศรษฐกิจ ซึ่งจะกดดันแนวโน้มเงินบาท/USD ระยะสั้นอ่อนค่า

- Russia: ประธานาธิบดีปูตินประกาศยกระดับการทำสงครามในยูเครน โดยประกาศระดมกำลังพลบางส่วน พร้อมใช้ทุกวิถีทางในการปกป้องรัสเซีย และจะผนวกทุกดินแดนที่ทหารรัสเซียยึดครองสาเร็จ ส่งผลต่อราคาน้ำมันกลับมาปรับสูงขึ้นใหม่ และเพิ่มความเสี่ยง Geopolitical Risk ต่อสินทรัพย์เสี่ยง

 

ประเด็นสำคัญ

- Opportunity Day: VL PPS TKS GLORY TACC DEMCO TKT

- Thailand: ดุลการค้าเดือน ส.ค. คาดขาดดุล -USD3.4bn. ส่งออก +7.35% YoY นำเข้า +18.05% YoY (Vs เดือน ก.ค. ขาดดุล -USD3.66bn. ส่งออก 4.3% YoY นำเข้า +23.9% YoY)

- Japan: BOJ Meeting คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับเดิม -0.1%

- UK: BOE Meeting คาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 50 bps เป็น 2.25%

- USA: Weekly Initial Jobless Claims คาด 218k (Vs สัปดาห์ก่อน 213k), CB Leading Index เดือน ส.ค. คาด -0.1% MoM (Vs เดือน ก.ค. -0.4% MoM)

 

 

 

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

- ตลาดหุ้นไทยปิดร่วงตามภูมิภาค: ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบขำลง 1,633.41-1,642.82 จุด โดยอ่อนตัวภาคบ่ายตามตลาดหุ้นภูมิภาค มาปิดตลาดใกล้ระดับต่ำสุดของวัน ที่ 1,633.45 จุด -5.14 จุด วอลุ่มซื้อขาย 6.9 หมื่นล้านบาท นำลบโดยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง -1.76% กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ -1.4% ประกันภัยและประกันชีวิต -1.09% สื่อและสิ่งพิมพ์ -0.8% พาณิชย์ -0.79% หุ้นบวก >4% DTAC CHIC BLESS MONO ABICO DPAINT W NBC BTW WGE QLT SK SEAOIL SE หุ้นลบ >4% BYD BGRIM EKH MITSIB GCAP Q-CON CPH ALL

+/- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ แต่ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก: DJIA -1.70% S&P500 -1.71% NASDAQ -1.79% หุ้นทั้ง 11 กลุ่มอุตสาหกรรมของ S&P ปรับลดลง หลังจากผลประชุม FOMC มีมติขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.25% และส่งสัญญาณ Dot Plot ว่าอัตราดอกเบี้ยสิ้นปี 2022-23E ยังคงปรับขึ้นต่อไปเนื่องไปแตะ 4.4% และ 4.6% (เดิม 3.4% และ 3.8%) พร้อมทั้งปรับลดคาดการณ์ 2022E GDP จากขยายตัว 1.7% เหลือเพียงขยายตัว 0.2% ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก CAC40 +0.87% DAX +0.76% FTSE +0.63% โดยเป็นการปรับขึ้นก่อนเฟดประกาศผลการประชุมนโยบายการเงิน นำโดยกลุ่มพลังงาน และกลุ่มอิงการป้องกันประเทศ หลังประธานาธิบดีปูตินสั่งระดมทหารเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

+/- ราคาน้ำมันดิบปิดลบส่วนทองคำปิดบวก: WTI -USD1.00 ปิดที่ USD82.94/บาร์เรล Brent -0.79 เซนต์ ปิดที่ USD89.83/บาร์เรล แม้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นในช่วงแรก หลังจากประธานาธิบดีรัสเซียประกาศระดมกำลังพล จำนวน 300,000 นาย เพื่อยกระดับการทำสงครามกับยูเครน แต่พลิกกลับมาปิดลบ หลังจากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% พร้อมลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เหลือเพียง 0.2% รวมถึงแรงกดดันของรายงานสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น +1.14 ล้านบาร์เรล ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ส่วนราคาทองคำ +USD4.6 ปิดที่ USD1,675.7/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศระดมกำลังพล เพื่อยกระดับการทำสงครามกับยูเครน

 

ประเด็นสำคัญ

- USA: คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวานนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่ Dot Plot คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับ 4.4% ในปี 2022E และแตะ 4.6% ในปี 2023E นอกจากนี้เฟดยังมีการปรับเพิ่มคาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจาก 4.3% เป็น 4.5% ในสิ้นปี 2022E และจะชะลอตัวสู่ระดับ 3.1%, 2.3% และ 2.1% ในปี 2023E, 2024E และ 2025E ตามลำดับ ในขณะเดียวกันเฟดคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีการขยายตัวเพียง 0.2% ในสิ้นปีนี้ (ลดลงจากคาดกำรณ์เดือน มิ.ย. ที่ขยายตัว 1.7%) และดีดตัวสู่ระดับ 1.2% ในปี 2023E นอกจากนี้ เฟดคาดว่าอัตราว่างงานจะแตะระดับ 3.8% ในสิ้นปีนี้ และเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% ทั้งในปี 2023E และ 2024E ก่อนที่จะชะลอตัวลงสู่ระดับ 4.3% ในปี 2025E ขณะที่อัตราว่างงานระยะยาวอยู่ที่ 4.0%

- USA: สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล

- Russia: นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อกระแสข่าวที่ว่ารัฐบาลรัสเซียอาจประกาศปิดพรมแดน เพื่อสกัดประชาชนที่พยายามหลบหนีออกนอกประเทศ หลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศระดมกำลังพล จำนวน 300,000 นาย เพื่อยกระดับการทำสงครามกับยูเครน ทั้งนี้ ชาวรัสเซียแห่เดินทางออกนอกประเทศ หลังการประกาศเกณฑ์ทหารดังกล่าว ซึ่งทำให้มีความกังวลว่ารัฐบาลอาจมีคำสั่งห้ามชายฉกรรจ์เดินทางออกนอกประเทศ หรืออาจต้องเกณฑ์ทหารจำนวนมากขึ้น ทำให้ประชาชนพากันเข้าเว็บไซต์ Aviasales เพื่อซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางออกนอกประเทศ

+ Thailand: รมว.คลัง เปิดเผยว่า เตรียมนัดหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับปัญหาเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างมาก ว่าเกิดจากปัจจัยเรื่องใดเป็นหลัก พร้อมทั้งประเมินว่าสถานการณ์เงินบาทอ่อนค่าลงมากในขณะนี้ ส่งผลกระทบในด้านใด อย่างไร แต่ยังไม่ได้สรุปว่าจะนัดกันได้เมื่อใด

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรำยสัปดาห์: BBL SCB TLI

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: KKP SCB TLI

Derivatives: แนะถือ Short รอทำกำไร