Sideways Down ซื้อเก็งกำไร KBANK BEM AGE
คาดดัชนีฯ Sideways Down แนวต้าน 1,640/1,650 จุด แนวรับ 1,623 จุด (EMA 50 วัน)/1,618 จุด (EMA 200 วัน) แนะนำซื้อเก็งกำไร KBANK BEM AGE ทางเทคนิค ภาพใหญ่ยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยมีสัญญาณซื้อเพิ่ม หากผ่านบริเวณ 1,650 จุด ขึ้นไปได้
ในทางตรงกันข้าม สัญญาณขายจะเกิดขึ้นหากหลุด 1,618 จุด (EMA 200 วัน) โมเมนตัมลบ คือ ตลาดคงการถือสินทรัพย์ปลอดภัยและเพิ่มแรงขายสินทรัพย์เสี่ยง เพราะกังวลต่อเศรษฐกิจประเทศขนาดใหญ่โลกเข้าสู่ภาวะถดถอยใน 6-12 เดือนข้างหน้า
ไฮไลท์วันนี้ คือ ดุลการค้าไทยเดือน ส.ค. คาดขาดดุล -USD3.4bn. (Vs เดือน ก.ค. ขาดดุล -USD3.66bn.), USA สุนทรพจน์ Fed Boston Collins และ Fed Cleveland Mesters(Voters) และ Fed Atlanta Bostic (Non-Voter), Dallas Fed Mfg PMI เดือน ก.ย. คาด -5 (Vs เดือน ส.ค. -12.9), EU ประธานอีซีบีลาการ์ด แถลงต่อคณะกรรมาธิการการเงินฯ ในสภาอียู, Germany Ifo Business Climate เดือน ก.ย. คาดลดลงเป็น 87 (Vs เดือน ส.ค. 88.5), Japan รายงานภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นเดือน ก.ย. คาดดีขึ้นเป็น 51.7/49.8 (Vs เดือน ส.ค. 51.5/49.5)
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ
+ KTX Portfolio: พอร์ต Big Cap แนะนำ GULF CRC JMART TCAP JMT CENTEL BH BEM AOT EA PTG WHA KKP CPN MINT KTB BDMS (ซื้อ AWC)
+ Daily Recommendations: KBANK (รับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น) BEM (Consensus คาดกำไรปี 2022E จากจำนวนผู้โดยสารไฟฟ้าเพิ่ม-ชนะประมูลไฟฟ้าสายสีส้ม) AGE (ปัจจัยบวกจากราคาถ่านหินที่ทรงตัวเหนือ USD430/ตัน จากอุปสงค์ที่เร่งตัวขึ้น เพื่อเตรียมผลิตพลังงานในฤดูหนาว)
+ หุ้นที่ได้ประโยชน์แนวโน้ม Bond Yield ปรับตัวสูง: BBL KBANK SCB TLI BLA
+ หุ้นได้ประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น: CENTEL ERW AOT
+ หุ้นกลุ่มได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า: TFG SAPPE DELTA
ปัจจัยลบ
- ดุลการค้าไทย: ตลาดคาดว่ารายงานดุลการค้าไทยเดือน ส.ค. จะขาดดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 จำนวน -USD3.4bn. ดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน ก.ค. ขาดดุลสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2019 ที่ -USD3.66bn.
- Fund Flow: นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 -1,563 ล้านบาท (Vs สัปดาห์ก่อนหน้า -4,998 ล้านบาท) ส่งผลเดือน ก.ย. (MTD) สะสม -17,218 ล้านบาท Vs เดือน ส.ค. +57,250 ล้านบาท ส่วนตลาดอนุพันธ์ เปิด Short SET50 Index Futures เป็นสัปดาห์ที่ 2 -43,496 สัญญา (Vs สัปดาห์ก่อน -30,047 สัญญา) ส่งผลสะสมเดือน ก.ย. (MTD) Short สะสม -77,245 สัญญาVs เดือน ส.ค. Long +144,969 สัญญา)
ประเด็นสำคัญ
- Thailand: ดุลการค้าเดือน ส.ค. คาดขาดดุล -USD3.4bn. ส่งออก +7.35% YoY นำเข้า +18.05% YoY (Vs เดือน ก.ค. ขาดดุล -USD3.66bn. ส่งออก +4.3% YoY นำเข้า +23.9% YoY)
- USA: สุนทรพจน์ Fed Boston Collins และ Fed Cleveland Mesters (Voters) และ Fed Atlanta Bostic (Non-Voter); Dallas Fed Mfg PMI เดือน ก.ย. คาด -5 (Vs เดือน ส.ค. -12.9)
- EU: ประธานอีซีบีลาการ์ด แถลงต่อคณะกรรมาธิการการเงินฯ ในสภาอียู
- Germany: Ifo Business Climate เดือน ก.ย. คาดลดลงเป็น 87 (Vs เดือน ส.ค. 88.5)
- Japan: รายงานภาคการผลิตและบริการเดือน ก.ย. คาดดีขึ้นเป็น 51.7/49.8 (Vs เดือน ส.ค. 51.5/49.5)
Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา
- ตลาดหุ้นไทยกลับมาปิดลบ: ตลาดหุ้นไทยกลับมาอ่อนตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค โดยปรับตัวลดลงตลอดการซื้อขายกรอบ 1,647.34-1,631.50 จุด ก่อนปิดตลาดใกล้ระดับต่ำสุดของวันที่ 1,631.71 จุด -13.58 จุด วอลุ่มซื้อขาย 6.4 หมื่นล้านบาท นำลงโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -2.44% เงินทุนและหลักทรัพย์ -2.16% พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ -1.93% สื่อและสิ่งพิมพ์ -1.84% พลังงานและสาธารณูปโภค -1.18% หุ้นบวก >4% CH TEAMG ICN KAMART MORE KISS KCC SCI PROS UMI UREKA TVI หุ้นลบ >4% SAWAD BEC SINGER FORTH PROUD CHEWA SIS
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรปปิดลบต่อเนื่อง: DJIA -1.62% (ร่วงกว่า -20% เทียบสูงสุดเมื่อวันที่ 4 ม.ค.) S&P500 -1.72% NASDAQ -1.8% หุ้นทั้ง 11 กลุ่มอุตสาหกรรมที่คำนวณดัชนี S&P500 ปิดลดลง นำโดยกลุ่มพลังงาน -6.75% กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย -2.29% เนื่องจากนักลงทุนหันมาเทขายหุ้น เพื่อลดความเสี่ยง เพราะวิตกการเร่งคุมเข้มนโยบายการเงิน จะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยล่าสุด PMI Composite เบื้องต้นเดือน ก.ย. หดตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ที่ 49.3 (ดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน ส.ค. ที่ 44.6 แต่ยังต่ำกว่าระดับขยายตัวที่ 50) (ทั้งสัปดาห์ ปิดลบเป็นสัปดาห์ที่ 5 ในรอบ 6 สัปดาห์ DJIA -4% WoW S&P500 -4.65% WoW NASDAQ-5.07% WoW) ขณะเดียวกันตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ STOXX 600 -2.34% ปิดต่ำสุดรอบเกือบ 2 ปี CAC40 -2.28% DAX -1.97% FTSE -1.97% โดยหุ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรมปรับลดลง นำโดยกลุ่มพลังงานและวัสดุก่อสร้าง -6% หลังการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจชะลอตัวลงรุนแรงในเดือน ก.ย. บ่งชี้ถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (ทั้งสัปดาห์ STOXX600 -4.4% WoW FTSE -3.37% WoW CAC40 -4.84% WoW DAX -3.59% WoW)
- ราคาน้ำมันดิบและทองคำกลับมาปิดร่วงแรง: WTI -USD4.75 ปิดที่ USD78.74/บาร์เรล Brent -USD4.31 ปิดที่ USD86.15/บาร์เรล วิตกอุปสงค์โลกลดลง จากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางโลก อาจทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (CNBC ให้โอกาส 52% ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยใน 12 เดือนข้างหน้า) โดย IEA เผยว่าการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะหยุดชะงักใน 4Q22E จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและประเทศ OECD ส่วนราคาทองคำร่วงแรง -USD25.50 ปิดที่ USD1,655.60/ออนซ์ ต่ำสุดรอบกว่า 2 ปี จากการแข็งค่าของเงิน USD +1.65% แตะ 113.18 และการพุ่งขึ้นของยิลด์พันธบัตรระยะสั้น 2 ปีแตะ 4.2% (ทั้งสัปดาห์ น้ำมันปิดลบเป็นสัปดาห์ที่4 WTI -7.1% WoW Brent -5.69% WoW ทองคำปิดลบเป็นสัปดาห์ที่ 2 -1.66% WoW)
ประเด็นสำคัญ
- Italy: ผล Exit Poll การเลือกตั้งทั่วไปของอิตาลีล่าสุด (05.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย) ชี้ว่า พรรค Brothers of Italy (Fdl) ยังคงมีคะแนนนำ ทำให้มีโอกาสที่พรรค Fdl ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดอาจเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพันธมิตร อาทิ พรรค League (Lega) และ พรรค Forward Italy (Forza Italia) ซึ่งอาจสร้างความกังวลให้กับตลาดการเงิน ถึงประเด็นปัญหาการเมืองในยุโรปที่เริ่มเผชิญกระแสการกลับมาของพรรคการเมืองขวาจัดอีกครั้ง
- UK: ผลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล/ซีไอพีเอส แสดงให้เห็นว่าธุรกิจอังกฤษทรุดตัวลงเพิ่มเติมในเดือน ก.ย. เนื่องจากต้องต่อสู้กับต้นทุนที่พุ่งทะยานขึ้นและอุปสงค์ที่หยุดชะงัก ซึ่งทำให้ความเสี่ยงของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มสูงขึ้น โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) รวมขั้นต้นปรับตัวลดลงแตะ 48.4 ในเดือน ก.ย. จากระดับ 49.6 ในเดือน ส.ค. ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่บังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อสกัด COVID-19 ในเดือน ม.ค. ปีที่แล้ว
+ Thailand: ศบค. ชุดใหญ่ เห็นชอบยกเลิกประกาศการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร รวมทั้งบรรดาข้อกาหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใช้อำนาจแห่งการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งหมด โดยสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2022 เป็นต้นไป แล้วกลับไปใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีผลให้ยุบการทำงานของศบค. ไปด้วย
+ Thailand: โฆษกศบค. เผยตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-21 ก.ย. อยู่ที่ 5,257,196 คน เพิ่มขึ้นจากทั้งปี 2021 ที่มีนักท่องเที่ยวเพียง 427,869 คน เท่านั้น โดยรายได้จากการท่องเที่ยว (1 ม.ค.-21 ก.ย. 2022) สะสมอยู่ที่ 211,974 ล้านบาท
+ USA: เอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 49.3 ในเดือน ก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 44.6 ในเดือน ส.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นอยู่ที่ 51.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จำกระดับ 51.5 ในเดือนส.ค. ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นอยู่ที่ 49.2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 43.7 ในเดือน ส.ค.
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)
หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: BBL BLA TFG
หุ้นแนะนำเก็งกำไร: KBANK BEM AGE