KTC ยอดใช้จ่ายผ่านบัตร และสินเชือยังโตต่อเนือง
ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น >25% ใน 3Q65F ทำให้สินเชื่อโตต่ออย่างแข็งแกร่ง
ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของ KTC ยังเพิ่มสูงขึ้นอีกใน 3Q65F จากฐานที่ต่ำ (ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรใน 3Q64 ต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี) และ การจับจ่ายใช้สอยของชนชั้นกลางที่ฟื้นตัวขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งนี้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ จาก -12% YoY ใน 3Q64 เป็น -1.6% ใน 4Q64,+7.9% ใน 1Q65 และ 25.8% ใน 2Q65 และคาดว่ายังสูงอยู่ในระดับ 25% ใน 3Q65 และจะทำให้สินเชื่อโตถึง 14% YoY ใน 3Q65 จาก +6.9% YoY ใน 2Q65 ทั้งนี้ แม้ว่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรของ KTC จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่การเติบโตยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอยู่ (ของอุตสาหกรรม +19.6%
YoY ในขณะที่ของ KTC +16.6% ในงวด 6M65)
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะเร่งตัวขึ้น
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ KTC เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่วางแผนเอาไว้ใน 1H65 บริษัทจึงคาดว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะเร่งตัวในไตรมาส 3/65 ในส่วนคชจ.ทางการตลาดเพื่อรักษาและกระตุ้นยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เราใช้สมมติฐานว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้น 4% QoQ และ 12% YoY ใน 3Q65, และ +10% ใน 9M65 ซึ่งทำให้สัดส่วนต้นทุน/รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 40.5% ใน 3Q65 (จาก 39.5%ใน 2Q65) แต่จะยังต่ำกว่าใน 3Q64 ที่ 41% ซึ่งในประมาณการค่าใช้จ่ายส่วนนี้ เราใช้สมมติฐานว่าไม่มีการใช้แนวทางจ่ายค่าตอบแทนก้อนใหญ่ให้กับพนักงานของ KTB เพื่อเพิ่มยอดสินเชื่อจำนำทะเบียน
NPL เพิ่มขึ้น แต่สำรองน่าจะยังเป็นไปตามคาด
KTC รายงานว่า NPL ขยับเพียงเล็กน้อยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา โดยสัดส่วน NPL/สินเชื่อ ใน 2Q65 อยู่ที่ 3.4% (+2% QoQ ใน 2Q65 และ ทรงตัว YTD) โดยบริษัทมองว่า NPL มี แนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกใน 3Q65 แต่สัดส่วน NPL โดยรวมจะเป็นไปตามประมาณการที่ <3.6% เราใช้สมมติฐานสัดส่วน NPL ที่ประมาณ 3.53% ใน 3Q65F และยังคงสัดส่วน NPL coverage เอาไว้ที่ 300% โดยคาดว่าบริษัทจะยังคงระดับ credit cost เอาไว้เพื่อ write-off หนี้เสีย
คงคำแนะนำถือ และประเมินราคาเป้าหมายปี 2566F ที่ 62 บาท
KTC สามารถขยายธุรกิจบัตรเครดิต และสินเชื่อ P-loan ได้ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยยังคงคุมคุณภาพสินทรัพย์เอาไว้ได้ และไม่ทำให้ credit cost ขยับสูงขึ้น ในขณะที่สัดส่วน NPL coverage ยังสูงถึงประมาณ 300% อย่างไรก็ตาม ธุรกิจใหม่ยังโตช้า และอาจจะต้องมีการปรับกลยุทธ์การเติบโตในปีหน้าใหม่ ทั้งนี้ จาก growth profile ที่ดี และคุณภาพสินทรัพย์ทำให้ราคาหุ้นมี premium โดย PE อยู่ที่ 22x/19x ของกำไรปี 2565/2566 สูงกว่าหุ้นอื่นในกลุ่มประมาณ 20-25% เรายังคงคำแนะนำถือ และจะกลับมาซื้อสะสมอีกครั้งเมื่อเห็นทิศทางการเติบโตใหม่ชัดเจนมากขึ้น
Risks
NPLs เพิ่มขึ้น, สินเชื่อไม่โตตามคาด, ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้NPLs rising,loan growth derailed, oerating expense growing more than estimated.