เศรษฐกิจถดถอยอาจเป็นเพียงการโตช้าและไม่ใช่วิกฤติ

เศรษฐกิจถดถอยอาจเป็นเพียงการโตช้าและไม่ใช่วิกฤติ

IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกลง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงานเศรษฐกิจรายไตรมาส (World Economic Outlook :WEO) ฉบับตุลาคม

โดยมีธีมสำคัญคือการรับมือกับวิกฤติค่าครองชีพที่สูงขึ้น การเพิ่มขึ้นของค่าแรงหลังสถานการณ์โควิด และการทบทวนการประมาณการทางเศรษฐกิจ ซึ่ง IMF คงประมาณการ GDP โลกปี 2565 ที่ 3.2% แต่ปรับลดปี 2566 เหลือ 2.7% (จากเดิม 2.9%) โดยหลักมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรป ที่การเติบโตปี 2566 จะลดลงเหลือเพียง 0.5% (จากเดิม 1.2%) จากการชะลอตัวของประเทศใหญ่ในกลุ่ม โดยเฉพาะ เยอรมัน (-0.3% จากเดิม +0.8%) และอิตาลี (-0.2% จากเดิม +0.7%) ขณะที่ทิศทางการเติบโตของภูมิภาคอื่นแม่มีการปรับลดบ้าง แต่ถือว่าโมเมนตัมไม่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้อาเซียน (ASEAN-5) ยังมี GDP ปี 2565-66 ที่แข็งแกร่งที่ 5.3% และ 4.9% (จากคาดการณ์เดิม 5.3% และ 5.1%) โดยคาด GDP ไทย ปี 2565-66 ที่ 2.8% และ 3.7% แม้จะเติบโตต่ำกว่าค่าเฉลียของกลุ่ม แต่ถือเป็นประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียนที่ GDP ปี 2566 ยังเร่งตัวขึ้น
 

หุ้นไทยระยะสั้นอาจผันผวนจากการปรับพอร์ต แต่ภาพรวม 2-3 ไตรมาสข้างหน้ายังมีแนวโน้มบวก เราคาดหุ้นไทยระยะสั้นอาจผันผวนจาก 1) ความผันผวนจากคาดการณ์ของนักลงทุนต่อมุมมองการดำเนินนโยบายการเงินสหรัฐฯ คืนนี้ติดตามรายงานการประชุมเฟด และตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ (คาดเงินเฟ้อ ก.ย.ที่ 8.1% ชะลอจาก ส.ค.ที่ 8.3%) 2) สถานการณ์ของวิกฤติหนี้และความผันผวนของตราสารหนี้ หลังธนาคารอังกฤษ (BOE) ประกาศยืนยันสิ้นสุดมาตรการแทรกแซงตลาดพันธบัตร 14 ต.ค.นี้ ตามกำหนดเดิม (ไม่ขยายเวลาออกไปตามที่เคยมีข่าว 3) การปรับพอร์ตของต่างชาติ เพื่อทำการ rebalancing หลังจากหุ้นไทยเคลื่อนไหวเด่นกว่าหุ้นโลกในช่วง 9 เดือนแรก ซึ่งหลังจากน้ำหนักการลงทุนกลับสู่ระดับเฉลี่ยที่เหมาะสม คาดเงินทุนจะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยจากแนวโน้มการฟื้นตัวที่มีความต่อเนื่อง เงินทุนสำรองที่สูง และภาระหนี้ต่อ GDP ของอาเซียนที่ต่ำกว่ายุโรป ทำให้อาเซียนยังเป็นจุดพักเงินลงทุนที่ปลอดภัย  
 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 2) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR, MBK 3) มาตรการสนับสนุน EV ได้แก่ EA, GPSC, PIMO  4) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA, STAR5001 5) กลุ่มไฟฟ้าแผน PDP ใหม่ บวกกับ EGCO, RATCH, GULF, GUNKUL, SSP 6) เก็งกำไรทางเทคนิค CRC, RATCH, RS, SC, TH, TLI, BAM, EA, BAFS, CK, MBK, SAMART, ARIN, SVT, MC, TKN, SCGP, KISS, TC 

 

ภาพรวมกลยุทธ์: ระยะสั้นการหลุด 1,564 ทำให้ SET Index มีโอกาสชะลอตัว ลงสู่แนวรับ 1,550/1,520 จุด ตามลำดับ กลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ รอเลือกซื้อกลุ่มหุ้นเปิดเมือง (ซื้อ: ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร กองรีทส์/ สะสมค้าปลีก การเงิน) ระยะสั้นกลุ่มที่ลงเยอะมีโอกาสเป็นเป้าหมายเก็งกำไร แต่ไม่ถือถึงงบออก ส่วนกลุ่มพลังงานสามารถเก็ง PTTEP ตามแนวรับ ส่วนหุ้นโรงกลั่นกำไรไตรมาส 3 ชะลอหนัก เก็งกำไรระมัดระวัง (ถ้าจะเลือก ชอบ SPRC) //หุ้นแนะนำ: EGCO*, KISS*, TU*, FLOYD*

แนวรับ: 1,550 / แนวต้าน : 1,579-1,590 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

ประเด็นการลงทุน

เฟดเผยผลสำรวจชี้ผู้บริโภคลดคาดการณ์เงินเฟ้อช่วง 1 ปีข้างหน้า – โดยลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนก.ย. คาดจะแตะระดับ 5.4% ต่ำสุดตั้งแต่ ก.ย.2564

IFS ชี้อังกฤษต้องเลือกลดการใช้จ่ายหรือขึ้นภาษี เพื่อคุมหนี้สาธารณะ - สถาบันการคลังศึกษา (IFS) เปิดเผยรัฐมนตรีคลังอังกฤษจำเป็นต้องลดการใช้จ่ายภาครัฐ 6.2 หมื่นล้านปอนด์ หรือปรับขึ้นภาษี เพื่อหยุดยั้งหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

จีนเพิ่มมาตรการสกัดโควิด-19 หลังพบยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นอีกครั้ง – จีนได้เพิ่มการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในเซี่ยงไฮ้และเมืองใหญ่อื่น ๆ เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีกครั้ง รวมทั้งขยายเวลาการกักตัว และปิดพื้นที่สาธารณะบางแห่ง

IATA เผยการสัญจรทางอากาศในเอเชียแปซิกฟิกฟื้นตัวเร็วขึ้น – สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) เปิดเผยการสัญจรของสายการบินโดยสารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีแนวโน้มฟื้นตัวแตะ 73% ของระดับปี 2562 ภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากมีการผ่อนปรนมาตรการสกัดโควิด-19 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 53% ในเดือนส.ค.

กนง.ระบุจะขึ้นดอกเบี้ยค่อยเป็นค่อยไป ไม่ให้กระทบศก. – ผู้ว่าธปท. ทำจดหมายเปิดผนึกถึง รมว.คลัง ชี้แจงการเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนก่อน และประมาณการ 12 เดือนข้างหน้า สูงกว่ากรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน กนง.ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในระดับสูงสุดไตรมาสที่ 3/65 และมีแนวโน้มทยอยลดลงตั้งแต่ไตรมาส 4/65 ก่อนจะกลับมาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเป้าหมายตั้งแต่ช่วงกลางปี 66 ตามแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปทานที่มีแนวโน้มลดลง

ประชุมบอร์ดกสทช.ลงมติ TRUE-DTAC ควบรวมวันนี้ – โดย TRUE-DTAC ยืนหนังสือถึงกสทช.พิจารณาการควบรวม ขณะที่ TRUE ขู่ฟ้องหากไม่เห็นชอบ 

ตลท.ให้ SELIC ใช้เกณฑ์ Cash Balance – ตั้งแต่ 12 ต.ค.-1 พ.ย.65

หุ้นที่มีโอกาสเข้าเกณฑ์ Cash Balance – ได้แก่ TKT 

 

ประเด็นติดตาม: 12 ต.ค. – US PPI / 13 ต.ค. – US CPI / 14 ต.ค. - US Retail Sales / 19 ก.ย. – EU CPI, US Building Permits / 20 ก.ย. – US Existing Home Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)