วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (18 ต.ค. 65)
ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงเล็กน้อย จากความกังวลต่อการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ท่ามกลางการดำเนินนโยบายที่ผ่อนคลายของจีน
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
- ราคาน้ำมันดิบลดลงเล็กน้อย หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) สาขาเซนต์หลุยส์ แสดงความคิดเห็นว่า FED ควรเดินหน้าใช้นโยบายทางการเงินที่เข้มงวดผ่านการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเพื่อจัดการปัญหาเงินเฟ้อ หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ เดือน ก.ย. 65 ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 8.2 % Y-o-Y สูงกว่าคาดที่ระดับ 8.1 % เช่นเดียวกับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 0.6 % M-o-M ส่งผลให้ตลาดคาดว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 75 bps ในการประชุมซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 1-2 พ.ย. นี้
+ ธนาคารประชาชนจีน (PBOC) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.75 % เพื่อรักษาเสถียรภาพการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ หลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลงจากนโยบายปลอดโควิดของรัฐบาล วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ และภาวะขาดแคลนพลังงานในพื้นที่บางส่วนของประเทศ
+ ตลาดได้รับแรงหนุนจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ปรับตัวอ่อนค่าลง ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบมีราคาถูกลง และเพิ่มความดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นให้มาสนใจลงทุนในสัญญาน้ำมันดิบมากขึ้น
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์น้ำมันเบนซินในเวียดนามมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงกังวลต่อปริมาณการส่งออกน้ำมันเบนซินของจีน ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.5 ล้านตันในเดือน ต.ค.
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปทานฝั่งตะวันตกที่มีแนวโน้มตึงตัวจากผลกระทบการนัดหยุดงานของฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม อุปทานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากโควต้าการส่งออกของจีนรอบใหม่