วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (21 ต.ค. 65)

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคาน้ำมัน 

-  ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ทรงตัว หลังตลาดยังคงกังวลความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลก หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด เผยว่ายังคงมีแนวโน้มปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่มขึ้นต่อในระยะสั้น ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงทั่วโลก 

-/+ ราคาน้ำมันดิบยังทรงตัวในระดับสูง ถึงแม้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ แถลงในวันพุธที่ผ่านมาว่า มีการวางแผนระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และรักษาคะแนนนิยมของรัฐบาลก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมในวันที่ 8 พ.ย. 65 หลังน้ำมันดิบคงคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) อยู่ในระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2527

+ รัฐบาลจีนเผยว่ากำลังพิจารณาการปรับลดจำนวนวันการกักตัวของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศลงจาก 10 วัน เหลือเพียง 7 วัน ซึ่งช่วยสนับสนุนอุปสงค์การใช้น้ำมัน หลังจีนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก

 

 

 

ราคาน้ำมันเบนซิน

ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ ถึงแม้น้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงกว่า 0.11 ล้านบาร์เรล ขณะที่อินโดนิเซียมีแนวโน้มนำเข้าน้ำมันเบนซินกว่า 8 - 9 ล้านบาร์เรลภายในเดือนนี้

ราคาน้ำมันดีเซล

ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ท่ามกลางปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลของจีนและอินเดียที่ปรับตัวสูงขึ้น