Non-bank Sector ช้อนซื้อที่จุดตํ่าสุด

Non-bank Sector ช้อนซื้อที่จุดตํ่าสุด

คาดว่ากำไรใน 3Q65F จะถูกกดดันจาก NPL และ credit cost

เราคาดว่าผลประกอบการของบริษัทในกลุ่ม non-bank จะแทบไม่เปลี่ยนแปลง QoQ และจะเพิ่มขึ้น 18.5% YoY ใน 3Q65 ในขณะที่คาดว่ากำไรในงวด 9M65F จะเพิ่มขึ้น 10% โดยเฉพาะ SINGER และ TIDLOR โดยในส่วนของ SINGER เราคาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลงเพราะสินเชื่อที่มีต้นทุนทางการเงินสูงครบอายุ เราคาดว่ากำไรของ TIDLOR จะเพิ่มขึ้นเพราะ yield ดีขึ้นเพราะสิ้นสุดช่วงโปรโมชั่น yield ต่ำ (สินเชื่อปกติ -3%) ในขณะเดียวกัน เราคาดว่ากำไรของ MTC, SAWAD, KENG, SAK จะถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายในการกัน
สำรองที่เพิ่มขึ้นสำหรับการ write-off หนี้เสีย และรองรับ NPL ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ MTC และ SAWAD เนื่องจากสัดส่วน LR/สินเชื่อ อยู่ที่ <2% เท่านั้น

 

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น และ credit cost ที่สูงเพิ่มแรงกดดันต่อ MTC SAK HENG

เนื่องจาก NPL ยังคงขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 3Q65F บริษัท non-bank หลายแห่งจึงปรับเพิ่มแรงจูงใจพิเศษในการติดตามหนี้ให้พนักงานเพื่อชะลอการย้ายจากหนี้ผิดนัดชำระ stage 2 ไปเป็น stage 3 เราคาดว่า credit cost และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจะกดดันผลประกอบการ แม้ว่าสินเชื่อจะยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง

 

 

 

 

เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว

ถึงแม้เราจะคาดว่าผลประกอบการใน 3Q65F จะอ่อนแอ แต่ไม่น่าจะฉุดให้ราคาหุ้นลดลงมากนัก เพราะเราเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจในกลุ่มตลาดล่าง ดังจะเห็นได้จากยอดขายรถมอเตอร์ไซค์ รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และรถยนต์นั่งโดยสาร ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยอดขายรถมอเตอร์ไซค์ในเดือนสิงหาคมสูงเกินระดับก่อน COVID ระบาดในปี 2562 แล้ว ซึ่งการเติบโตของยอดขายรถมอเตอร์ไซค์ถือเป็นดัชนีหรือปัจจัยชี้วัดที่ดีสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจระดับล่าง ในขณะเดียวกัน ยอดขายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ได้ฟื้นตัวในเดือนก.ย. สะท้อนถึงการเริ่มฟื้นตัวที่เริ่มต้นขึ้นส่วนยอดขายรถยนต์นั่งโดยสารยังคงดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ แต่ตัวเลขยอดขายยังคงต่ำกว่าระดับก่อน COVID ระบาด

 

ใกล้ถึงจุดตํ่าสุดแล้ว

ความกังวล NPL เพิ่มขึ้น กดดันคชจ.สำรองเพิ่ม และกฎเกณฑ์ทางการที่เข้มงวดขึ้นของธุรกิจ H/P ได้ฉุดให้ราคาหุ้นกลุ่ม non-bank ตกลงมาถึง 15% ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา และตกลงมาถึง 30% ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา และกดดัน PE ปี 2565/2566 ของหุ้นกลุ่มนี้อยู่ที่ 19x/15x เราเชื่อว่าการกู้เงินเพื่อใช้ในชีวิตประจำยังคงมีในปกติของการดำเนินชีวิตของกลุ่มที่ไม่มีรายได้ชัดเจน ทำให้สินเชื่อนอนแบงก์ก็ยังคงขยายสินเชื่อได้อยู่ ทั้งนี้ จากระดับปัจจุบัน เราชอบ TIDLOR มากที่สุดเพราะมีส่วนรองรับหนี้เสียสูงรองลงมาคือ SAWAD เนื่องจากราคาหุ้นถูก และถัดมาคือ MTC เนื่องจากมีเครือข่ายสาขาใหญ่ที่สุด และ yield ต่ำสุดและมีการโอกาสเพิ่มขึ้น ซึ่งราคาที่ลดลงมากเราจึงปรับคำแนะนำเป็นซื้อ (จากถือ)

 

Risks

แรงกดดันทางด้านของ Yield, ต้นทุนทางการเงินแพงขึ้น, NPLs และ credit cost เพิ่มขึ้น