วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (24 พ.ย. 65)
ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังกลุ่ม G7 เคาะข้อเสนอการกำหนดเพดานราคาน้ำมันดิบรัสเซีย
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังกลุ่ม G7 เผยกรอบราคาของมาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมัน (Price cap) สำหรับการซื้อขายน้ำมันดิบรัสเซียที่ระดับ 65 -70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มยังคงมีความเห็นไม่ตรงกัน เช่น โปแลนด์และประเทศในกลุ่มทะเลบอลติก มองว่าระดับราคานี้สูงเกินไป ขณะที่หลายประเทศที่อยู่ในอุตสาหกรรมการขนส่งหลัก เช่น กรีซ ยังคงมองว่าราคาไม่ควรต่ำกว่า 70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยจะมีการหารือในกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอีกครั้งในวันนี้
- สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 ในจีนยังคงน่ากังวล หลังจำนวนยอดผู้ติดเชื้อโควิดยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแตะระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 65 ส่งผลให้ทางการใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ Zero-COVID ที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งกดดันต่อความต้องการใช้น้ำมัน
+ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานตัวเลขน้ำมันดิบคงคลัง ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 พ.ย. 65 ลดลง 3.69 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 431.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับตัวลดลงเพียง 2.61 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดคาดความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในมาเลเซียปรับเพิ่มขึ้นจากกิจกรรมขับขี่ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่ปริมาณการนำเข้าน้ำมันเบนซินของอินโดนีเซียในเดือน ต.ค.ปรับตัวสูงขึ้น 1.47 % เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในออสเตรเลียมีแนวโน้มปรับตัวลดลง จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด – 19 ในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น