RATCH พรุ่งนี้อาจพอมีหวัง (7 ธันวาคม 2565)

RATCH พรุ่งนี้อาจพอมีหวัง (7 ธันวาคม 2565)

ประชุมนักวิเคราะห์ 3Q65 และมุมมองของเรา

ยังใช้กลยุทธ์เดิม

เรากลับออกมาจากการประชุมนักวิเคราะห์ของ RATCH ด้วยมุมมองกลาง ๆ โดยประเด็นหลัก ๆ ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับงบ 3Q65, กลยุทธ์ และการอัพเดตโครงการต่าง ๆ ทั้งนี้ เป้าหมายระยะยาวของบริษัทยังคงเหมือนเดิมที่ 10,000MWe (จากปัจจุบันที่ 9,976MWe) หรือคิดเป็นมูลค่า enterprise value ที่ 2 แสนล้านบาท (จาก 1.52 แสนล้านบาท) ในปี 2568 ทั้งนี้ กำลังการผลิตรวม 3,645MW ของโรงไฟฟ้า RATCHGEN (RG) จะทยอยหมดอายุลงในปี 2568 ในส่วนของ Unit 1-2 (1,400MWe) และในปี 2570 ในส่วนของ Unit 3-5 (2,245MWe) ทั้งนี้ ภายในปี 2578 บริษัทคาดว่าสัดส่วนของโครงการพลังงานหมุนเวียน (RE) จะอยู่ที่ 40% ของกำลังการผลิตรวม (จาก 19% ในปัจจุบัน และ 25% ในปี 2568F) ก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะ carbon neutrality ในปี 2593F RATCH ตั้งเป้าหมายที่จะซื้อโครงการโรงไฟฟ้า 700MWe ต่อปี (75% fossil vs. 25% RE) สำหรับโครงการ RE 5.2GWh ในประเทศไทย RATCH จะเน้นที่โครงการ solar (400MW) และ solar + battery (100MW) ในขณะที่มองว่าผลตอบแทนของโครงการพลังงานลม และชีวมวลอาจจะอยู่ในระดับที่ต่ำเกินกว่าจะรับได้

 

 

 

น่าจะเห็นอะไรในปี 2566?

หลังเพิ่มทุนแล้ว ผู้บริหารคาดว่า ROE ในปี 2566F จะเพิ่มเป็นสองหลัก (จาก 8.98% ในงวด 9M65 ในขณะที่เราคาดว่า ROE ปี 2566F จะอยู่ที่ 9.4%) จากการเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Paiton และ NEJV ตั้งแต่ปลาย 1Q66F นอกจากนี้ RATCH ยังคาดว่าราคาก๊าซของโครงการ SPP จะอยู่ในช่วง~480 บาท/mmbtu ในปี 2566F (เราใช้สมมติฐานที่ 470 บาท/mmbtu) เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักในปี 2566F จะเพิ่มขึ้นถึง 43% YoY จากโครงการ Paiton และ NEJV ในขณะที่คาดว่า EPS จะยังคงได้รับผลกระทบจาก dilution effect นอกจากนี้ RATCH ยังอยู่ระหว่างศึกษาโครงการใหม่ ๆ (โดยเฉพาะ RE) และมีแผนจะออกหุ้นกู้เพื่อชำระหนี้ด้วย ถึงแม้ว่าต้นทุนดอกเบี้ยของบริษัทจะอยู่ในรับที่แข่งขันได้ แต่เรามองว่าการลดต้นทุนดอกเบี้ยน่าจะทำได้ยากในช่วยดอกเบี้ยค่าขึ้น

 

ประมาณการ 4Q65F – กำไรจะลดลงอย่างชัดเจน

เราคาดว่ากำไรใน 4Q65F จะลดลง QoQ เพราะเป็นช่วง low season ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำและพลังงานลมในออสเตรเลีย ขณะที่โรงไฟฟ้า IPP ของ RATCH (RG และหงสา) มีซ่อมบำรุง แม้ว่าราคาก๊าซ SPP จะลดลง 16-18% QoQ และจะได้รับส่วนแบ่งกำไรจาก Ecowin, RATCH Cogen และอาจจะรวมถึง Paiton ด้วย อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิยังขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน USD/AUD และ USD/JPY ด้วย

 

 

Valuation & Action

เราคงคำแนะนำ ถือ ด้วยราคาเป้าหมาย DCF ปี 2566 ที่ 43 บาท ทั้งนี้จากแนวโน้มการเติบโต และปันผลระดับปานกลาง เราจึงมองว่าราคาหุ้นดูเหมาะสมแล้ว แต่ภาวะของราคาหุ้นอาจจะได้แรงหนุนจากความคาดหวังว่าหุ้น RATCH จะได้เข้าไปอยู่ใน SET50 ใน 1H66 โดยจะมีผลตังแต่วันที่ 1 มกราคม 2566

 

Risks

การปิดโรงไฟฟ้านอกแผน, ปัญหา cost overruns, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย