CPI สหรัฐต่ำคาด หุ้นรายงานพิเศษ SMD (14 ธ.ค. 2565)
วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีเปิดโดดบวกถึง 10 จุด แต่ดัชนีย่อตัวลงต่อเนื่องเหลือเพียงทรงตัว มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มค้าปลีก และกลุ่มไอซีที จากประเด็นบวกเฉพาะตัว ประกอบกับนักลงทุนติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ ช่วงกลางสัปดาห์
ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,625.91 จุด +2.78 จุด +0.17% มูลค่าการซื้อขาย 55,072.71 ลบ. ต่างชาติ -32.25 ลบ. TFEX -10,199 สัญญา ตราสารหนี้ +8,237 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 103.60 จุด +0.30% ขานรับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ออกมาต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 2.22 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 75.39 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด และการอ่อนค่าของดอลลาร์ รวมทั้งรายงานที่ว่าท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน (Keystone) ยังคงปิดทำการเนื่องจากพบรอยรั่ว
+ สหรัฐรายงานภาวะเงินเฟ้อต่ำกว่าคาด โดย CPI ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 7.1%YoY ในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 7.3% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 6%YoY ในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.1%
+ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 59.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ.2566 เพิ่มจากก่อนหน้านี้ให้น้ำหนักเพียง 35.1%
+ จีนและฮ่องกงจะเริ่มอนุญาตให้ประชาชนสามารถเดินทางข้ามพรมแดนไปมาหาสู่กันได้โดยไม่ต้องเข้ารับการกักตัวอย่างเร็วที่สุดในวันที่ 9 ม.ค.ปีหน้า ก่อนถึงวันตรุษจีน
+ครม.เห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย พ.ศ.2566-2570 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ระบบ โลจิสติกส์เป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประตูการค้า
ปัจจัยลบ
- ญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์ทำข้อตกลงในหลักการ เพื่อร่วมมือกับสหรัฐในการควบคุมการส่งออกอุปกรณ์ผลิตชิป ล้ำสมัยให้กับจีน ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อความพยายามในการพัฒนาเทคโนโลยีชิปของจีน
- สหรัฐเปิดเผยยอดขาดดุลงบประมาณเดือนพ.ย.ของสหรัฐพุ่งขึ้นถึง 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 30% แตะที่ 2.49 แสนล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบเป็นรายปี สูงเป็นระดับประวัติการณ์สำหรับเดือนพ.ย.
- รมว.สาธารณสุขกล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ของไทยในขณะนี้มีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้นชัดเจน โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยว จะมีกิจกรรมรวมกลุ่มของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมาก รวมถึงประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวส่งผลให้เชื้ออยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานและแพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดโลก หลังสหรัฐเปิดเผย ดัชนี CPI ต่ำกว่าตลาดคาด ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นแรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,620-1,636 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• FTSE SET Large Cap : หุ้นเข้า AWC หุ้นออก JTS FTSE SET Mid Cap : หุ้นเข้า JTS RAM TLI หุ้นออก AWC BTSGIF TFFIF มีผล 19 ธ.ค.65
• ลุ้นช้อปดีมีคืนปี 66 : BJC CPALL MAKRO CRC COM7 SPVI CPW JMART HMPRO ZEN M AU
• จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเร่งตัวขึ้น : BCH CHG EKH THG WPH
• สินค้าส่งออกเดือน ต.ค. ที่ยังเติบโตได้ดี : TEAM HANA KCE SMT
หุ้นรายงานพิเศษ
SMD (Bloomberg Consensus - บาท)
“เตรียมเปิดตัว ATK นวัตกรรมใหม่ที่แรกในประเทศไทย ในปี 66”
•รายงานกำไร 3Q65 ที่ 68 ลบ. +64%YoY และ -21%QoQ เนื่องจากรายได้ปรับตัวลงสู่ 436 ลบ. -37%YoY และ -36%QoQ เนื่องจากรายได้จากกลุ่มเครื่องมือแพทย์ทั่วไปปรับตัวลงราว 80%QoQ สู่ 100 ลบ. เนื่องจากยอดขาย ATK ลดลง อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นจาก 24.7% ใน 2Q65 สู่ 31.4% เนื่องจากสัดส่วนยอดขาย ATK ที่ลดลง
•บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 66 ที่ 2.2 พันล้านบาท จากปีนี้คาดทำได้ 2 พันล้านบาทตามเป้า โดยบริษัทจะเดินหน้าต่อยอดธุรกิจเดิมรวมถึงขยายธุรกิจใหม่เพื่อเพิ่มฐานการเติบโต โดยบริษัทคาดจะเปิดตัวและขาย ATK นวัตกรรมใหม่ที่แรกในประเทศไทย ซึ่งตรวจได้ทั้งเชื้อโควิด-19 และ Influenza A+B โดยจะมีออกมาจำหน่ายทั้งแบบ Professional Use สำหรับโรงพยาบาลและแบบใช้ที่บ้าน สำหรับตรวจด้วยตัวเอง คาดจะเปิดตัวประมาณต้นปี 66 ประกอบกับมีแผนจะ M&Aเพื่อต่อยอดธุรกิจทางการแพทย์ ทั้งนี้ บริษัทสนใจธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการแพทย์ หรือซอฟต์แวร์ทางการแพทย์ คาดจะเห็นความชัดเจนในปี 66
•ความเห็น : เรามีมุมมอง “NEUTRAL” หลัง COVID-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่นทำให้รายได้จากกลุ่มเครื่องมือแพทย์ทั่วไปมีโอกาสอ่อนตัวลง โดยทิศทางผลประกอบการปี 66 มีโอกาสทยอยฟื้นตัว จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และคาดว่าการทำ M&A จะทำให้เกิด Synergy ใหม่ๆ
หุ้นมีข่าว
(+) JR (Bloomberg consensus - บาท) จัดหนักคว้างานรถไฟฟ้าสายสีชมพู 3,906 ล้านบาท แบ็กล็อกขึ้นนิวไฮ 7.5 พันล้านบาทแล้ว สายสีเหลืองจ่อปลายปีถึงต้นปีหน้า ดันแบ็กล็อกทะลุหมื่นล้านบาท ชูผลตอบแทนดี ชี้งานปกติเข้าต่อเนื่องรวมๆ อีกพันล้านบาท ขยายออยล์แอนด์แก๊ส ได้ลูกค้าใหม่ปูทางสู่เมกะเทรนด์ลดโลกร้อน มีสิทธิได้งานลงทุนไฮโดรเจน ส่วนสถานีชาร์จอีวีเดินหน้าต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SABUY (Bloomberg consensus - บาท) จ่อทุ่มงบ 462.67 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น 5% ใน GHL Systems Berhad ผู้นำการให้บริการ Online Payment Gateway ผ่านการซื้อในตลาดหุ้นมาเลเซีย คาดแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2566 พร้อมผนึกพันธมิตรเสริมแกร่งฐานธุรกิจ SABUY Ecosystem สู่ตลาดระดับภูมิภาคอาเซียน (ที่มา ทันหุ้น)
(+) ASAP (Bloomberg consensus 2.90 บาท) เคาะเป้าปี 2566 รายได้ 3.8 พันล้านบาท รถเช่าพุ่ง-ยูสคาร์หนุน พร้อมเล็งทุ่มงบ 2 พันล้านบาท เสริมฟลีตรถเพิ่ม ปูทางโกยเงินระยะยาว แถมปรับโมเดลขายยูสคาร์ อัพรายได้ทะยาน พร้อมตั้งเป้าเพิ่มยอดขายกลุ่มลูกค้าทั่วไปเป็น 2 เท่า ส่วนดีลเรื่องยูทิลิตี้โทเคน หวังชัดเจนครึ่งแรกปีหน้า (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SIS (Bloomberg consensus 31.63 บาท) ส่องดีมานด์ไอทีหนุนธุรกิจ ชูคลาวด์เซอร์วิส โอกาสโตเท่าตัว ลูกค้าสนใจใช้บริการต่อเนื่อง พร้อมได้พันธมิตรยักษ์ AWS โอกาสรับงานสูงขึ้น คาดผลประกอบการไตรมาส 4/2565 ยังโตดี ทั้งปี 2565 มั่นใจรายได้ 3 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)