จับตา PCE สหรัฐ หุ้นรายงานพิเศษ KTMS (23 ธ.ค. 2565)
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นเล็กน้อย จากแรงซื้อกลับในหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มค้าปลีก ดัชนีฟื้นตัวตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ ที่ได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ โดยนักลงทุนติดตามตัวเลข PCE ของสหรัฐในวันศุกร์นี้
ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,616.67 จุด +6.73 จุด +0.42% มูลค่าการซื้อขาย 43,068 ลบ.ต่างชาติ -172.48 ลบ. TFEX +15,758 สัญญา ตราสารหนี้ -2,099.64 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่าสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่คลี่คลายช่วยดันใช้จ่ายปีใหม่สะพัดเกิน 1 แสนล้านบาท สูงสุดในรอบ 3 ปี หลังคนวางแผนจัดงานเลี้ยงสังสรรค์และท่องเที่ยวมากขึ้น
+ ททท. คาดการณ์การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่าง 31 ธ.ค. 2565-2 ม.ค. 2566 ว่าจะมีนักท่องเที่ยวในประเทศ 3.14 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 11,200 ล้านบาท และอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (OR) 75%
+ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียต้องการยุติการทาสงครามกับยูเครน โดยความขัดแย้งทางการทหารมักจบลงด้วยการเจรจาทางการทูต
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ ร่วงลง 348.99 จุด -1.05% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงกว่า 2% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะผลักดันให้เฟด เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานกว่าที่คาดไว้ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 80 เซนต์ +1% ปิดที่ 77.49 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดและจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในประเทศจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
- สหรัฐเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2565 ขยายตัว 3.2% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.6% และ 2.9% ตามลำดับ โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง รวมทั้งการลดลงของตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐ
- สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 ราย สู่ระดับ 216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 222,000 ราย
- เมืองต่าง ๆ ในประเทศจีนเริ่มแจกจ่ายยาลดไข้ให้กับประชาชน หลังยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นทั่วประเทศ โดยประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รับการตรวจเชื้อเป็นครั้งแรก หลังรัฐบาลยกเลิกการบังคับใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์แบบฉับพลันเมื่อไม่นานมานี้
- นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยในงานเสวนาพิเศษ “ภาษีขายหุ้น คุ้มหรือไม่” ว่า การเก็บภาษีขายหุ้นยิ่งทำให้ตลาดหุ้นไทยถอยหลังไปหลาย 10 ปีในแง่ของสภาพคล่อง และการฟื้นกลับขึ้นมาจะทำได้ยากมาก โดยสภาพคล่องที่ดีของไทยในเวลานี้มาจากการเข้าลงทุนของต่างประเทศถึง 50% หากเก็บภาษียิ่งทำให้นักลงทุนต่างประเทศมีโอกาสหายไปทั้งหมด เพราะภาษีที่เก็บสูงกว่าค่าธรรมเนียมที่จ่ายอยู่ในการซื้อขาย และคาดว่าจะทำให้มูลค่าการซื้อขายลดลงจากวันละ 60,000 ล้านบาท ลดเหลือ 30,000 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังสหรัฐเปิดเผย GDP 3/2565 ขยายตัวสูงกว่าคาด ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง ขณะที่ยังคงจับตาตัวเลข PCE สหรัฐที่จะเปิดเผยวันนี้ คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,605-1,620 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• SET 50 : หุ้นเข้า CENTEL COM7 DELTA RATCH หุ้นออก BLA IRPC KCE SAWAD SET 100 : หุ้นเข้า AAV BYD DELTA JAS NEX SABUY THG หุ้นออก AEONTS MAJOR STEC SUPER SYNEX TASCO TTA มีผล 30 ธ.ค.65
• ช้อปดีมีคืนปี 66 : BJC CPALL MAKRO CRC COM7 SPVI CPW JMART HMPRO ZEN M AU
• จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเร่งตัวขึ้น : BCH CHG EKH THG WPH
หุ้นรายงานพิเศษ
KTMS (MAI / SERVICE)
ราคา IPO 3.10 บาท (PE Ratio 37.29 เท่า) ราคาเหมาะสม 4.12 บาท
•KTMS หรือ บริษัท เคที เมดิคอล เซอร์วิส จำกัด (มหำชน) ประกอบธุรกิจให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ทั้งในรูปแบบคลินิกเวชกรรมเฉพาะทางไตเทียมและหน่วยไตเทียมในโรงพยาบาล โดย ณ วันที่ 30 ก.ย. 2565 กลุ่มบริษัทมีเครื่องไตเทียมรวมจำนวน 254 เครื่อง และมีหน่วยไตเทียมจำนวน 20 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ
•ช่วงปี 62-64 มีรายได้ 183 ลบ. 213 ลบ. และ 310 ลบ. ตามลำดับ เติบโต CAGR 30.6% ต่อปี จากการขยายสาขาสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมอย่างต่อเนื่องสู่ทั้งหมด 7 สาขา 14 สาขา และ 18 สาขา ตามลำดับ โดยช่วงปี 62-64 มีกำไรสุทธิ 0.56 ลบ. ขาดทุน 26.7 ลบ. และพลิกมีกำไร 16.8 ลบ. ตามลำดับ โดยปี 63 ขาดทุนเนื่องจากมีการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ขณะที่ช่วง 9M65 มีรายได้เท่ากับ 277 ลบ. +28.3%YoY จากการขยายสาขาสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมอีก 2 สาขา สู่ทั้งหมด 20 สาขา ณ วันที่ 30 ก.ย.65 ส่งผลให้งวด 9M65 มีกำไรสุทธิ 15.7 ลบ. +108%YoY คิดเป็น 86% ของประมาณการทั้งปี 65 ที่ 18.2 ลบ.
•คาดการณ์กำไรช่วงปี 65-66 ราว 18.2 ลบ. และ 41.3 ลบ. ตามลำดับ เติบโตเฉลี่ย CAGR 56.9% ต่อปี ตามแผนเพิ่มกำลังการให้บริการโดยการขยายสาขาจากเดิมอีก 14 สาขา และเพิ่มจำนวนเครื่องไตเทียมอีก 123 เครื่องภายในปี 66
•ราคา IPO 3.10 บาท (PE Ratio 37.29 เท่า) จำนวนหุ้น IPO 76.6 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าระดมทุนราว 237 ลบ. มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ลงทุนในสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม 2) ลงทุนในโรงงานผลิตน้ำยาไตเทียมและศูนย์บริการวิศวกรรม และ 3) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
**Globlex Securities เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ซึ่งจะได้รับค่าธรรมเนียมในฐานะผู้จัดจำหน่าย**
หุ้นมีข่าว
(+) ERW (Bloomberg consensus 4.98 บาท)โชว์ตัวเลขชัดๆ นักท่องเที่ยวต่างชาติไหลเข้าแรง สัดส่วน 80% ดัน Hop Inn อัตราเข้าพัก ธ.ค.สู่ 80% ส่วนกลุ่ม Luxury ไม่ต่ำกว่า 90% มั่นใจปีหน้าท่องเที่ยวดี อัตราเข้าพักฟื้นตัวแกร่ง ลุ้นมาตรการรัฐเสริม ส่วน RevPar เพิ่มดีจะสู่ปกติปี 2567 เดินหน้าขยายแบรนด์ Hop Inn ในไทยจากปัจจุบันกว่า 50 แห่ง มีในฟิลิปปินส์ด้วย โบรกชูกำไร Q4/2565 แกร่ง เป้า 5 บาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SINGER (Bloomberg consensus 40.50 บาท) ปักเป้าปี 2566 ผลงานโตแรง 50% จากปี 2565 รับพอร์ตลูกค้า-ขยายสาขาดัน พร้อมเผย "บุรีรัมย์โมเดล" คืบหน้า ล่าสุดเริ่มตั้งสาขา-ปล่อยสินเชื่อแล้วบางส่วน ชูเป็นอีกแรงหนุนธุรกิจสดใส แถมเล็งควัก 640 ล้านบาท ลุยซื้อหุ้นคืนบริหารสภาพคล่อง ดีเดย์เริ่มโครงการ 23 ธันวาคม 2565 (ที่มา ทันหุ้น)
(+) MAKRO (Bloomberg consensus 39.00 บาท) มีลุ้นเข้า MSCI รอบถัดไปเดือนกุมภาพันธ์ 2566 และเป็นอีกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จีนกลับมาเปิดประเทศ คาดกำไรปกติไตรมาส 4/2565 จะทำจุดสูงสุดของปีที่ 2.2-2.3 พันล้านบาท เติบโต 40% ตามอานิสงส์ไฮซีซันของการท่องเที่ยว และยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) พลิกกลับมาเป็นบวก มองกำไรปี 2566 โต 75% แตะ 1.3 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) THANI (Bloomberg consensus 5.00 บาท) ปักธงยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 2566 ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท เติบโต 12-15% จากปีก่อน หลังเปิดประเทศ ท่องเที่ยว การบริโภคฟื้นตัว คาดการณ์ยอดจำหน่ายรถบรรทุกปีหน้าพุ่ง 2.5 หมื่นคัน พร้อมคุมเข้ม NPL ต่ำระดับ 3% มั่นใจปี 2565 พอร์ตเข้าเป้า 5.3 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)