วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (23 ธ.ค. 65)
ราคาน้ำมันดิบปรับลด จากความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีนที่เพิ่มขึ้น
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
- ราคาน้ำมันดิบเวสเทกซัสและเบรนท์ปรับลดลงประมาณ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เหตุนักลงทุนมีความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) โดยคาดว่าจะปรับขึ้นประมาณ 0.75% ในปี 66 ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยแตะระดับ 5.0 - 5.25% เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ และคาดว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนถึงสิ้นปี 66 นอกจากนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีนที่ยังคงเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและกดดันความต้องการใช้น้ำมันโลก
- สภาพอากาศที่หนาวเย็นและมีหิมะตกหนักในช่วงฤดูหนาวในสหรัฐฯ ส่งผลให้สายการบินต่างๆ ยกเลิกเที่ยวบินเกือบ 2,000 เที่ยว ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจกดดันความต้องการใช้น้ำมันในด้านของการเดินทางท่องเที่ยวในระยะนี้
+ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ปี 65 ขยายตัวที่ 3.2% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 ที่ระดับ 2.6% และ 2.9% ตามลำดับ โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการลดลงของตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในแอฟริกาใต้เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ อย่างไรก็ตาม ปริมาณนำเข้าน้ำมันเบนซินของอินโดนีเซียปรับตัวลดลง เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลจากจีนไปยังออสเตรเลียปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเดือน พ.ย จีนส่งออกน้ำมันดีเซลที่ 425,000 ตัน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า