ไม่มีประเด็นผลักดันที่ชัดเจน ปริมาณการซื้อขายเบาบางในสัปดาห์สุดท้าย
ตลาดหุ้นหลายประเทศหยุดทำการชดเชยเทศกาลคริสมาสต์ ทำให้บรรยากาศการซื้อขายน่าจะเบาบาง ประกอบกับเข้าสู่ช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี โดยมีประเด็นที่อาจส่งผลต่อบรรยากาศลงทุนระยะสั้น
ได้แก่ 1) สหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อผู้ผลิต (Core PCE) พ.ย. ที่ +4.7% ใกล้เคียงตลาดคาด 2) จีนจะยุติการรายงานตัวสเลขผู้ติดเชื้อรายวัน คาดกระทบเพียงระยะสั้น ซึ่งรูปแบบดังกล่าวล่ายกับหลายประเทศ รวมถึงไทย ที่ปรับรูปแบบการรายงานยาวขึ้นเป็นรายสัปดาห์ หลังจากมีมาตรการเปิดเมือง 3) ติดตามตัวเลขส่งออกไทย พ.ย. สัปดาห์นี้ (คาด 27 ธ.ค.) ตลาดคาด -5.65% (จาก ต.ค. -4.40%) อย่างไรก็ตามผลของการ Normalization ของการส่งออกที่เริ่ทกลับสู่ปกติ อาจทำให้ตัวเลขส่งออก พ.ย. ชะลอตัวแรงกว่าที่ตลาดคาดได้ (อาจ -15% ถึง -20%)
ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก อาจทำให้เงินทุนไหล้เข้าพันธบัตร ซึ่งจะเป็นความเสี่ยงระยะสั้นในช่วงต้นปี ภาวะการชะลอตัวและถดถอยของเศรษฐกิจโลกในช่วงต้นปี ประกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงกว่าเงินปันผล และเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่เริ่มผ่านจุดสูงสุด ทำให้อาจเห็นการไหลของเงินทุนออกจากหุ้นเข้าสู่ตลาดพันธบัตรได้ สถานการณ์ดังกล่าวเราคาดส่งผลดังนี้ 1) หุ้นในกลุ่มที Outperform มานาน อาจเริ่มพักตัวหรือเสี่ยงต่อแรงขายทำกำไร อาทิ โรงแรม การแพทย์ อิเล็กทรอนิกส์เป็นต้น 2) กลุ่มที่คาดฟื้นตัวได้ดีจากเศรษฐกิจในประเทศ ได้แก่ ค้าปลีก สื่อสาร 3) กลุ่มที่อาจฟื้นตัวได้ดีจากการที่จีนเริ่มผ่อนคลายโควิด คือภาคการผลิต ได้แก่ ปิโตรเคมี และบรรจุภัณฑ์ 4) กลุ่มที่อาจกระทบระยะสั้นหากมีเหตุการณ์กระทบความเชื่อมั่นหรือการจัดงานรื่นเริง แต่การปรับลงจะเป็นโอกาสซื้อที่ดี ได้แก่ บันเทิง และการเงิน (Finance) เป็นต้น
ประเด็นลงทุนที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, TNR, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO, MAJOR 2) การขายไฟพลังงานทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP 3) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรผ่านจุดสูงสุด ADVANC, EGCO, RATCH 4) อสังหาริมทรัพย์ SPALI, AP, LH, ASW 5) หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ STP, TNR, DMT, TVDH, KLINIQ, FLOYD
ภาพรวมกลยุทธ์: เน้นกลุ่มหุ้นเปิดเมือง และบริโภคในประเทศที่ยัง Laggard ทำให้ค้าปลีกระยะสั้นน่าสนใจ ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่อาจจะ peak แล้ว หรือขึ้นได้จำกัด จะบวกต่อการฟื้นของหุ้นปลอดภัย โดยเฉพาะไฟฟ้า (เสนอขายไฟฟ้าหมุนเวียนรอบใหม่) และสื่อสาร ปัจจัยเฝ้าระวังที่สำคัญคือ ตัวเลขส่งออก พ.ย.ที่จะออก 27 ธ.ค.อาจติดลบระดับ 15-20% //หุ้นแนะนำ: MAKRO, BGRIM, ADVANC, KSL
แนวรับ: 1,580-1,600 / แนวต้าน : 1,625-1,630 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น สวนทางคาดการณ์ - เพิ่มขึ้น 5.8% สู่ระดับ 640,000 ยูนิตในเดือนพ.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลงสู่ระดับ 600,000 ยูนิต จากระดับ 605,000 ยูนิตในเดือนต.ค.
สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนดิ่งลง – เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปี ดิ่งลง 2.1% ในเดือนพ.ย. หลังเพิ่ม 0.7% เดือนต.ค.
สหรัฐเผยดัชนี PCE +5.5% สอดคล้องคาดการณ์ - ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 5.5% ในเดือนพ.ย. yoy สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ และชะลอตัวจากระดับ 6.1% ในเดือนต.ค.
จีนพัฒนาชิปประมวลผลข้อมูลรุ่นแรก - นักวิจัยจีนได้พัฒนาชิปประมวลผลข้อมูล (Data Processing Unit - DPU) รุ่นแรกของประเทศ ก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมชิปในจีน
ซัมซุง เปิดศูนย์ R&D มูลค่า 220 ล้านดอลลาร์ในเวียดนาม - ซึ่งจะกลายเป็นศูนย์ R&D ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามที่ก่อตั้งโดยบริษัทต่างชาติ จะมีพนักงานทั้งหมด 2,200 คน
ต่างชาติเดินทางเข้าไทยทะลุ 11 ล้านคน – ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2565 เป็นจำนวนถึง 11,049,769 คนแล้ว สูงสุดคือมาเลเซีย 1.81 ล้านคน
ประยุทธ์ เข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ แคนดิเดตนายกฯเพียงคนเดียว - หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวอยู่ต่อได้เพียง 2 ปี ไม่เป็นอุปสรรค เงื่อนไข 2 ปี เพียงแค่ห้ามเป็นนายกฯ แต่ไม่ได้ห้ามทำงานการเมือง
กรมธนารักษ์ไม่รับอุทธรณ์ EASTW – ขอดูท่าทีการประชุม 3 ฝ่ายรอบใหม่กลางเดือน ม.ค.66 ว่าส่งมอบทรัพย์สินได้เร็วสุดเมื่อไหร่ หากยังช้า จะหยิบมาตรการทางปกครองมาใช้ด้วยการส่งเจ้าหน้าที่หรือผู้แทนเข้าบริหาร EASTW ต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายทั้งหมด
เพิกถอนหุ้น ABICO – จากการขอเพิกถอนหุ้นสามัญของบริษัทเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีผลวันที่ 4 ม.ค. 2566
ประเด็นติดตาม: 28 ธ.ค. – US Pending Home Sales / 4 ม.ค. - ISM Manufacturing PMI, JOLTs Job Openings / 6 ม.ค. – EU CPI, Nonfarm Payrolls, US Unemployment Rate, ISM Non-Manufacturing PMI
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)