ยังผันผวน หุ้นรายงานพิเศษ IP (6 มกราคม 2566)

ยังผันผวน หุ้นรายงานพิเศษ IP (6 มกราคม 2566)

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ในภาคเช้าดัชนีเคลื่อนไหว sideway แดนบวกสลับลบ แต่ในภาคบ่ายดัชนีปรับตัวลงแรงถึง -10 จุด มีแรงขายมากในหุ้น DELTA ซึ่งกดดันดัชนีราว -10.8 จุด ส่วนแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคาร แต่มีแรงขายออกมาบ้างในช่วงบ่าย

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,663.86 จุด -9.39 จุด -0.56% มูลค่าการซื้อขาย 85,209 ลบ.ต่างชาติ +1,277.71 ลบ. TFEX -16,913 สัญญา ตราสารหนี้ +9,742.95 ลบ.

 

ปัจจัยบวก    

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 83 เซนต์ -1.14% ปิดที่ 73.67 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขสต็อกน้ำมันกลั่นและน้ำมันเบนซินของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา
+ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ออกคำสั่งให้ทหารรัสเซียที่ประจำการอยู่ในยูเครนหยุดยิงในช่วงคริสต์มาสของศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ โดยกองทัพรัสเซียจะหยุดยิงเป็นเวลา 36 ชั่วโมง เริ่ม 6 ม.ค.
+ จีนและฮ่องกงจะเปิดพรมแดนระหว่างกันอย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่วันอาทิตย์นี้ (8 ม.ค.) ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากจีนแผ่นดินใหญ่จะต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 แบบ PCR ที่เป็นลบภายใน 48 ชั่วโมง

 

ปัจจัยลบ

- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ร่วงลง 339.69 จุด -1.02% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะเป็นปัจจัยกดดันให้เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานกว่าที่คาดไว้
- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 19,000 ราย สู่ระดับ 204,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 225,000 ราย
- ADP เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 235,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 153,000 ตำแหน่ง จากระดับ 127,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย.
- FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 45.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่ให้น้ำหนักเพียง 27.2%
 

 

- สนค.เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) ประจ้าปี 65 (ม.ค.-ธ.ค.) อยู่ที่ 6.08% ใกล้เคียงกับที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ว่าเงินเฟ้อทั้งปี 65 จะอยู่ที่ 5.5-6.5% ถือเป็นสถิติตัวเลขที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 24 ปี พร้อมคาด 1Q66 ยังพุ่งต่อ ส่วนทั้งปี 66 คาดที่ 2.5% ลุ้น เม.ย.ทยอยลดตามราคาสินค้าที่เริ่มปรับลดลง
- ค่าเงินบาทประเดิมสัปดาห์แรกปี 2566 แข็งค่าสุดในเอเชียแข็งค่าสุดในรอบ 8 เดือน วานนี้แตะระดับ 33.75 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่ามากสุดเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย 2.1% และอันดับ 2 ของโลก เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.03 บาทต่อดอลลาร์ "อ่อนค่าลง" จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.87 บาทต่อดอลลาร์

 

แนวโน้มตลาดวันนี้  

คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนกังวลว่าเฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานกว่าคาด ประกอบกับยังจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค. คาดกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,655-1,670 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน  

• ช้อปดีมีคืนปี 66 : BJC CPALL MAKRO CRC COM7 SPVI CPW JMART HMPRO ZEN M AU
• การท่องเที่ยวเติบโตต่อเนื่องและจีนเปิดประเทศ 8 ม.ค. 66 : MINT CENTEL ERW SPA AU SHR
• หุ้นโรงไฟฟ้าได้ประโยชน์จากรายได้ปรับขึ้นตามค่า FT แต่ต้นทุนเริ่มคงที่ : GPSC BGRIM RATCH
• หุ้นยั่งยืนด้านพลังงานหมุนเวียน : EA TSE SSP SUPER PRIME
• หุ้นได้ประโยชน์จากรถยนต์ไฟฟ้า : EA GPSC BCP OR DELTA
• หุ้น mai เด่นปี 66 : SPA D CEYE AU
• หุ้นเด่น IAA : AOT ADVANC BBL COM7 CPALL

 

 

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ

                                         IP (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 20.00 บาท )
                                           “ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวชาวจีน เดินทางเข้าไทย”

•บริษัทคาดรายได้ในปี 65 อยู่ที่ราว 1,500-1,600 ลบ. เติบโต 63-74%YoY โดยในช่วง 9M65 บริษัทมีกำไรสุทธิ 95 ลบ. คิดเป็น 68% ของประมาณการกำไรปี 65 (อ้างอิงค่าเฉลี่ยจาก Bloomberg Consensus)

•และบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 66 ราว 2,500 ลบ. คิดเป็นการเติบโตราว 60%YoY พร้อมรับรู้รายได้ธุรกิจโรงพยาบาลนครพัฒน์ เข้ามาเต็มปี ประกอบกับบริษัทมีแผนขยายร้านขายยา จำนวน 30 สาขา แบ่งเป็นร้านขายยาแบรนด์ LAB Pharmacy 15 สาขา และร้านขายยาในปั้ม PTT (OR) จานวน 15 สาขา

ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานในอนาคตของบริษัท ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากการเติบโตของทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ และบริษัทได้ประโยชน์จากการที่จีนเปิดประเทศ เนื่องจากเราคาดว่าสินค้าของบริษัทจะเป็นที่ต้องการของคนต่างประเทศ เช่น ผลิตภัณฑ์ยา อาหารเสริม โดยราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus เท่ากับ 20.00 บาท ราคาปิดมี upside จากราคาเหมาะสม ราว 28%

 

หุ้นมีข่าว

(+) STARK (Bloomberg consensus - บาท) บิ๊ก STARK ลั่นคิดถูกหลังเลิกดีล LEONI ทำให้ STARK พ้นบ่วง แนะรอดูผลงานที่จะประกาศออกมาเป็นคำตอบ แจงข่าวลือครบไม่มีลับลวงพราง ชูเงินเพิ่มทุน 5 พันล้าน ที่ได้มาต่อยอดกิจการอีก 1-3 ดีล แจงกองทุนครบชี้ 90% ยังมั่นใจ คำนวณมูลค่าชัดๆ แถมมีเงินสดอื้อ ปีนี้เวียดนามส่งออกแรงงานเยอะ มาร์จิ้นสูง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BCH (Bloomberg consensus 23.70 บาท) เผยจีนเข้าไทย หนุนรายได้จากการตรวจ PCR-ฉีดวัคซีนเพิ่ม ขณะที่ตั้งเป้ารายได้ปี 2566 ไว้ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท ไม่รวมอัพไซด์จากโควิด แย้มผู้ป่วยต่างชาติเข้ามารักษาเพิ่มขึ้น ลุย WMC-คลินิกเด็กหลอดแก้ว (IVF) เดินหน้าเปิดโรงพยาบาลเป็น 20 แห่ง ใน 5 ปี ที่มา ทันหุ้น)

(+) TNP (ราคาเหมาะสม 5.75 บาท) เด้งรับอานิสงส์ชุดใหญ่ บัตรสวัสดิการรัฐเพิ่มวงเงินอีก 200 บาท จีนเปิดประเทศหนุนนักท่องเที่ยวคึกคัก ปิดท้าย "ช้อปดีมีคืน" กระตุ้นยอดสะพัด ด้านผู้บริหาร "อมร พุฒิพิริยะ" ควักงบ 150 ล้านบาท ขยายสาขาเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ปักธงปั๊มยอดขายทั้งปีโต 15-20% ดันมาร์จิ้นฟู (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ORI (Bloomberg consensus 13.60 บาท) ผนึก TokenX ยื่นไฟลิ่งสำนักงาน ก.ล.ต. เล็งออกโทเคนดิจิทัล "เรียลเอ็กซ์" จำนวนไม่เกิน 19,230,769 โทเคน เข้าลงทุนใน 3 คอนโดกลางเมือง พร้อมประกันผลตอบแทน 5 ปีแรก สูงสุด 5% ต่อปี คาดจะนำเข้าซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของบิทคับ (ที่มา ทันหุ้น)