ยังอยู่ในโหมดข่าวดีเกี่ยวกับเศรษฐกิจเป็นข่าวร้ายกับหุ้น

ยังอยู่ในโหมดข่าวดีเกี่ยวกับเศรษฐกิจเป็นข่าวร้ายกับหุ้น

ตลาดกลับมากังวลเกี่ยวกับการเร่งขึ้นของดอกเบี้ย นอกจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังดูแข็งแกร่งที่ออกมาในช่วงก่อนหน้า อาทิ การจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่สูงกว่าคาด /เงินเฟ้อ สหรัฐฯ ที่สูงกว่าคาด / ยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่ง

เมื่อคืนมีอีก 2 ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกจากบวกกลับมาปิดลบกว่า 1% ได้แก่ 1) เงินเฟ้อผู้ผลิต (PPI) ม.ค. +6.0% YoY สูงกว่าคาดการณ์ที่ +5.4% แม้จะชะลอตัวลงจาก ธ.ค.ที่ +6.2% 2) ความเห็นของกรรมการเฟด 2 ท่าน สนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยในระดับ 0.50% ในการประชุม 22 มี.ค.นี้ แม้ทั้งคุณ Mester (เฟดคลีฟแลนด์) และ Bullard (เฟดเซ็นต์หลุยส์) ไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการที่มีสิทธิ์ในการลงคะแนนเรื่องดอกเบี้ย แต่การให้ความเห็นในจังหวะตลาดเปราะบางต่อความกังวลดอกเบี้ยและอยู่ในโหมดข่าวดีทางเศรษฐกิจเป็นข่าวร้ายกับหุ้น จะทำให้หุ้นยังผันผวนและเสี่ยงต่อการปรับฐานระยะสั้นต่อได้

 

ตลาดยังเลือกมองหาประเด็นเก็งกำไรรายตัว ในภาพใหญ่ตลาดขายทำกำไรหุ้นที่คนมีการถือครองมากและฟื้นตัวหรือได้ประโยชน์มากจากสถานการณ์โควิด และหมุนมายังกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง รวมถึงที่จะได้ผลดีจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป รวมถึงที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ กลุ่มเครื่องดื่มชูกำลัง ปรับขึ้นแรงหลังมีข่าวกระทิงแดงแจ้งดีลเลอร์เตรียมปรับขึ้นราคาขายปลีกเป็น 12 บาท (จาก 10 บาท) มีผล 1 มี.ค. ปัจจุบันราคาเหมาะสมเฉลี่ย (consensus target price) ของหุ้นทั้งสองอยู่ที่ CBG (105.31) และ OSP (30.41) ซึ่งใกล้เคียงราคาตลาด อย่างไรก็ตามโอกาสปรับขึ้นราคาขายปลีกของเครื่องดื่มชูกำลังซึ่งคิดเป็นส่วนใหญ่ของยอดขาย จะเป็นอัพไซด์สำคัญที่ทำให้หุ้นมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการและราคาเหมาะสมขึ้น ซึ่งหากอิงจากกรอบบนของคาดการณ์ ประเมินราคาเป้าหมายทางกยุทธ์ของหุ้นทั้งคู่ที่ CBG (115-118) และ OSP (34-35)
 

 

 

 

 

ประเด็นลงทุนที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO, MAJOR 2) หุ้นได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว (พลังงาน ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์) ได้แก่ PTTGC, IRPC, SCGP, AJ, PTL, SCC, PTTEP, PTT 3) กลุ่มบริโภคและการย้ายฐานการผลิต ได้แก่ WHA, AMATA, ROJNA 4) การขายไฟพลังงานทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP, BGRIM, GPSC, EGCO 5) หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ DMT, TVDH, FLOYD, SORKON, ASW, S, CBG, AEONTS, SAMART, SDC 6) กลุ่มน้ำตาล เข้า high season และปริมาณการผลิตไทยสูงสุดในรอบ 3 ปี ดีกับ KSL, KTIS, KBS, BRR

 

ภาพรวมกลยุทธ์: ตลาดยังผันผวนจากการปรับพอร์ตของต่างชาติและการรายงานงบรายตัวในระยะสั้น การเก็งกำไรระยะสั้นเน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) ได้แก่ กลุ่มเปิดเมืองที่ยังขึ้นน้อย, ค้าปลีก (ที่ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวกลับมา), ปิโตรเคมี, การเงิน, โภคภัณฑ์ (เฉพาะเหล็กและน้ำตาล) และหุ้นที่มีปัจจัยบวกรายตัว โดยหุ้นที่เรามองสามารถทยอยสะสม ได้แก่ MAJOR, CPALL, MAKRO, BJC, PTTGC, IRPC, TIDLOR, AMANAH, MILL, TSTH, KSL, SAMART, SDC เป็นต้น //หุ้นแนะนำ: PTG*, S*, ASW*, SAMART*

แนวรับ: 1,635 / แนวต้าน : 1,650-1,659 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

ประเด็นการลงทุน

สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด – ลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 194,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ราย

สหรัฐเผยตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้านต่ำกว่าคาด - ร่วงลง 4.5% ในเดือนม.ค. สู่ระดับ 1.31 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2563 และต่ำกว่าที่คาดที่ระดับ 1.36 ล้านยูนิต

ซาอุฯยันมติปรับลดกำลังการผลิตของโอเปคพลัสมีผลบังคับใช้ถึงสิ้นปี - โอเปคพลัสบรรลุข้อตกลงในเดือนต.ค.2565 ในการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2566 เจ้าหน้าที่จีนเดินทางเยือนไต้หวันครั้งแรกหลังเว้น 3 ปีจากโควิด – กำหนดเดินทางถึงไต้หวันในวันเสาร์ (18 ก.พ.) ในการเดินทางเยือนไต้หวันระยะเวลา 3 วันตามคำเชิญของรัฐบาลนครไทเปจากพรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของไต้หวัน โดยจะเข้าร่วมเทศกาลโคมไฟไต้หวัน ซึ่งเป็นรูปแบบการแลกเปลี่ยนทั่วไปก่อนเกิดโควิด-19 ระบาด

SINGER แจง Q1/66 ชะลอรับสภาพคุมเข้ม-มุ่งเน้นแก้ NPL – เผยว่าแนวโน้มผลงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 1/66 อาจจะเห็นภาพการชะลอตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 4/65 ซึ่งมาจากการที่บริษัทหันกลับมาควบคุมในเรื่องของคุณภาพลูกค้ามากขึ้น หลังจาก NPL ในปีก่อนเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทกลับมาคุมคุณภาพลูกค้ามากขึ้น หลังจากที่ลูกค้าส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

หุ้น IPO เทรดวันนี้ - บมจ. บลูเวนเจอร์กรุ๊ป (BVG) ผู้นำด้านการให้บริการแพลตฟอร์ม เข้าซื้อขายใน mai กลุ่มเทคโนโลยี ราคา IPO 3.85 บาท 

 

ประเด็นติดตาม: 20 ก.พ. – TH GDP Q4 / 21 ก.พ. – US Existing Home Sales / 23 ก.พ. - EU CPI, US GDP Q4 / 24 ก.พ. – US Core PCE Price Index / 27 ก.พ. – US Pending Home Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)