คาดแรงกดดันลด หลังเข้าสู่สัปดาห์ประกาศงบของกลุ่มอิงเศรษฐกิจในประเทศ

คาดแรงกดดันลด หลังเข้าสู่สัปดาห์ประกาศงบของกลุ่มอิงเศรษฐกิจในประเทศ

สภาพัฒน์รายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 4/65 +1.4% ต่ำกว่าคาดที่ +3.5% ขณะที่ GDP ปี 2565 ขยายตัว +2.6% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ +3.2% ขณะที่ปรับลดเป้าเติบโตปี 2566 เหลือ +3.2% (จากเดิม +3.5%)

ทั้งนี้ สาเหตุที่ GDP ต่ำคาดมาจาก 2 ปัจจัยได้แก่ 1) การอุปโภคภาครัฐฯ -8.0% YoY และ 2) การส่งออกสินค้า -10.5% YoY อย่างไรก็ตามในมุมบวกคือยังเห็นการเติบโตที่โดดเด่นและเป็นบวกจากการท่องเที่ยวและภาคบริการ โดยเฉพาะด้านพักแรม อาหาร การจนส่งและสถานที่เก็บสินค้า ทั้งนี้คาดการณ์ของสภาพัฒฯประเมินนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2566 จะเพิ่มเป็น 28 ล้านราย (จากคาดการณ์เดิม 23.5 ล้านราย และเพิ่มจากปี 2565 ที่ 11.2 ล้านราย) ขณะที่ประเมินรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียง 1.31 ล้านล้านบาท หรืออิงต่อหัวที่ 4.68 หมื่นบาท (จากก่อนโควิดที่ 5 หมื่นบาท) ตัวเลขคาดการณ์ใช้จ่ายที่ต่ำลง ขณะที่ภาวะเงินเฟ้อน่าจะทำให้การใช้จ่ายโดยรวมเพิ่มขึ้น เป็นฝั่งหนุน GDP ปี 2566 และทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องยังมีอัพไซด์ 
 

คาดแรงกดดันจากการรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้จะเริ่มชะลอลง หลังผลการดำเนินงานของหุ้นพลังงานขนาดใหญ่ผ่านไปแล้ว ขณะที่สัปดาห์นี้ส่วนใหญ่จะเป็นการรายงานผลประกอบการหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการบริโภคในประเทศ และหุ้นในกลุ่มที่ธุรกิจและกระแสเงินสดไม่ผันผวนมาก ทำให้เรามองแรงกดดันผลประกอบการน่าจะผ่านจุดแย่สุด และอาจเห็นการฟื้นตัวหากผลการดำเนินงานของธุรกิจอิงการบริโภคออกมาดี หุ้นที่ประกาศผลประกอบการสัปดาห์นี้ ได้แก่ 1) ค้าปลีก MAKRO, DOHOME, HMPRO, TLN OSP, SNNP, BJC, CPALL, COM7, KAMART 2) การเงิน MTC, NCAP, BAM, 3) การแพทย์ RJH, BDMS, CHG, THG 4) หุ้นสาธารณูปโภคหรือกลุ่มหุ้นปลอดภัย (Defensive) อาทิ BCPG, CKP, WHAIR, JASIF, BEM, BRRGIF, BEM, EASTW, EGGCO, WHART, WHAUP
 

ประเด็นลงทุนที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO, MAJOR 2) หุ้นได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว (พลังงาน ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์) ได้แก่ PTTGC, IRPC, SCGP, AJ, PTL, SCC, PTTEP, PTT 3) กลุ่มบริโภคและการย้ายฐานการผลิต ได้แก่ WHA, AMATA, ROJNA 4) การขายไฟพลังงานทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP, BGRIM, GPSC, EGCO 5) หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ DMT, TVDH, FLOYD, SORKON, ASW, S, CBG, AEONTS, SAMART, SDC 6) กลุ่มน้ำตาล เข้า high season และปริมาณการผลิตไทยสูงสุดในรอบ 3 ปี ดีกับ KSL, KTIS, KBS, BRR

ภาพรวมกลยุทธ์: ตลาดยังผันผวนจากการปรับพอร์ตของต่างชาติและการรายงานงบรายตัวในระยะสั้น การเก็งกำไรระยะสั้นเน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) ได้แก่ กลุ่มเปิดเมืองที่ยังขึ้นน้อย, ค้าปลีก (ที่ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวกลับมา), ปิโตรเคมี, การเงิน, โภคภัณฑ์ (เฉพาะเหล็กและน้ำตาล) และหุ้นที่มีปัจจัยบวกรายตัว โดยหุ้นที่เรามองสามารถทยอยสะสม ได้แก่ MAJOR, CPALL, MAKRO, BJC, PTTGC, IRPC, TIDLOR, AMANAH, MILL, TSTH, KSL, SAMART, SDC เป็นต้น //หุ้นแนะนำ: MAKRO*, WHAUP*, ASW*, SAMART*

แนวรับ: 1,635 / แนวต้าน : 1,659 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

ประเด็นการลงทุน

Conference Board เผยดัชนีชี้นำส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย – ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ปรับตัวลง 0.3% เดือนม.ค. สอดคล้องคาดการณ์ หลังร่วง 0.8% ในเดือนธ.ค.

ราคาก๊าซธรรมชาติทรุดนิวโลว์ 3 ปีในตลาดนิวยอร์ก - สัญญาก๊าซธรรมชาติส่งมอบเดือนมี.ค.ที่มีการซื้อขายที่ตลาด New York Mercantile Exchange ดิ่งลง 4.90% สู่ระดับ 2.272 ดอลลาร์/mmbtu

ราคาก๊าซธรรมชาติยุโรปหลุด 50 ยูโร ต่ำสุดรอบกว่า 1 ปี - สัญญาก๊าซร่วงลงต่ำกว่าระดับ 50 ยูโร/เมกะวัตต์ชั่วโมงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค.2564 หลังจากพุ่งขึ้นใกล้ระดับ 340 ยูโร/เมกะวัตต์ชั่วโมงในเดือนก.ย.2565 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

รมว.คลัง ให้ 2 อธิบดีรับผิดชอบตัวเอง ปมอินไซด์หุ้น BCP ก่อนซื้อ ESSO – นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เป็นเรื่องความรับผิดชอบส่วนตัว ที่อธิบดีทั้ง 2 คนจะต้องพิจารณาด้วยตัวเอง

ครม.ยกหนี้เหมืองโปแตช - แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม เผย ครม. ให้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ และเงินค่าปรับของโครงการเหมืองแร่โพแทชของอาเซียน ของบริษัทอาเซียน โปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) วงเงิน 5,848 ล้านบาท โดยถอนฟ้องคดีศาลปกครองและให้โครงการฯ ผ่อนชำระหนี้ด้วยผลผลิต ระยะเวลา 8 ปี (คาดเริ่มผลิต 2569) เป็นบวกต่อ TRC ที่ถือหุ้นใหญ่ 25.13% และ EA ที่มีแผนเข้าลงทุนในโครงการดังกล่าว

หุ้นเข้า Cash Balance เริ่ม 20 ก.พ. ถึง 10 มี.ค. 66 – ได้แก่ MTW, NTSC 

 

ประเด็นติดตาม: 21 ก.พ. – US Existing Home Sales / 23 ก.พ. - EU CPI, US GDP Q4 / 24 ก.พ. – US Core PCE Price Index / 27 ก.พ. – US Pending Home Sales / 28 ก.พ. -CB Consumer Confidence

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)