LPH ผลประกอบการ 4Q65: เป็นไปตามคาด (21 ก.พ. 2566)
ผลประกอบการ 4Q65 และประกาศจ่ายเงินปันผลปี 2565 ที่ 0.10 บาท/หุ้น (กำหนดขึ้น XD 2 พฤษภาคม)
กำไรสุทธิของ LPH ใน 4Q65 อยู่ที่ 40 ล้านบาท (-21.4% YoY, -34.8% QoQ) คิดเป็น 13.0% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเราที่ 308 ล้านบาท ดังนั้น กำไรสุทธิในปี 2565 จึงอยู่ที่ 323 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการเต็มปีของเรา 4.9% ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานโดยรวมยังคงลดลงจากไตรมาสก่อน ๆ เพราะรายได้ และ margin จากการรักษาผู้ป่วย COVID-19 ลดลง ตามสถานการณ์ COVID-19 ที่ดีขึ้น ทำให้รายได้จากบริการที่เกี่ยวกับ COVID-19 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากที่ LPH มีรายได้ก้อนใหญ่จากการที่ COVID-19 ระบาดหนักในช่วงสองปีที่ผ่านมา สำหรับใน 4Q65 รายได้อยู่ที่ 561 ล้านบาท (-9.1%YoY, flat QoQ) ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงมาอยู่ที่ 21.6 จาก 25.1% ใน 4Q64 และ 28.7% ใน 3Q65 โดยสัดส่วน SG&A/รายได้ยังดีอยู่ที่ 14.1% จาก 15.4% ใน 4Q64 และ 16.0% ใน 3Q65
คาดว่าปี 2566 จะยังเป็นอีกหนึ่งปีที่ผลประกอบการเดินหน้ากลับเข้าสู่ระดับปกติ
เราคิดว่าผลการดำเนินงานของ LPH ในปี 2566 จะลดลง YoY เพราะได้รับผลจาก COVID-19 ลดลงและรัฐบาลจ่ายค่ารักษาผู้ป่วย COVID-19 ลดลงมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 เราคาดว่าผลการดำเนินงานของ LPH ในปี 2566F จะลดลง YoY โดยรายได้จากการรักษาบริการที่ไม่เกี่ยวกับ COVID เป็นตัวขับเคลื่อนเพียงตัวเดียวตั้งแต่ 2H65 เป็นต้นมา เราคิดว่าบริษัทจะต้องใช้เวลาสักพักกว่าที่รายได้จากบริการที่ไม่เกี่ยวกับ COVID จะกลับไปอยู่ระดับเดียวกับปี 2564 อย่างไรก็ตาม เรามองว่า LPH ยังคงได้ประโยชน์จาก AMARC ซึ่งถือหุ้นอยู่ 69.39% จากแนวโน้มการเติบโตในอนาคต
คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566F เอาไว้เท่าเดิม
จากผลประกอบการปี 2565 เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้เอาไว้เท่าเดิมที่ 285 ล้านบาท (-11.8%YoY)
Valuation & Action
เรายังมองบวกกับแนวโน้มระยะยาวของบริษัทเพราะคาดว่าธุรกิจการรักษาพยาบาลจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการที่ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะสังคมสูงวัยในระยะยาว นอกจากนี้ platform ของบริษัทในส่วนของศูนย์การแพทย์เฉพาะทางยังพร้อมที่จะตอบสนองต่ออุปสงค์ในอนาคตด้วย ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ โดยยังคงราคาเป้าหมาย DCF เอาไว้เท่าเดิมที่ 7.10 บาท (ใช้ WACC ที่ 8% และ TG ที่
2.0%)
Risks
COVID-19 ระบาด, การแทรกแซงของรัฐบาล, ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองไทยรอบใหม่