วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (23 ก.พ. 66)
ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังตลาดกังวลเศรษฐกิจถดถอยหลัง FED ยังคงนโยบายเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอเงินเฟ้อ
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับตัวลดลงกว่า 3%เหตุตลาดกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังบันทึกการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) วานนี้ (22 ก.พ.) ระบุว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนมีความเห็นตรงกันว่าอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยังคงมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยต่อไป จนกว่าจะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมายที่ 2% อย่างไรก็ดี FED มีแนวโน้มชะลออัตราการขึ้นดอกเบี้ย โดยคาดว่าการประชุมในเดือน มี.ค. จะปรับเพิ่มดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25%
- อุปสงค์น้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับลดลง หลังเข้าใกล้ฤดูกาลซ่อมบำรุงโรงกลั่นในสหรัฐฯ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าในช่วงปลายสัปดาห์หน้า โรงกลั่นหลายแห่งกำลังการผลิตน้ำมันกว่า 1.44 ล้านบาร์เรลต่อวันจะหยุดซ่อมบำรุง ขณะที่พายุหิมะที่พัดถล่มใน Northern Plains และ Upper Midwest ทำให้มีเที่ยวบินกว่า 3,500 เที่ยวได้รับผลกระทบและต้องยกเลิกหรือล่าช้าออกไป กระทบต่อความต้องการใช้ในประเทศ
- หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 17 ก.พ. 66 ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 9.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) จะปรับเพิ่มกว่า 2.1 ล้านบาร์เรล เช่นกัน
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบ หลังปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังของฟูไจราห์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 1.049 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตามอุปทานในภูมิภาคมีแนวโน้มปรับลงจากการซ่อมบำรุงโรงกลั่นในประเทศเกาหลีใต้ในช่วงเดือน มี.ค.
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์ในจีนที่เพิ่มขึ้นหลังการเปิดประเทศ ทำให้การส่งออกน้ำมันดีเซลจากจีนมีแนวโน้มปรับลดลงในเดือน มี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันดีเซลในอินเดียจะปรับเพิ่มขึ้นกว่า 70,000 บาร์เรลต่อวัน