TNP กำไร 4Q65 ดีกว่าที่เราคาด 8% ส่วนปี 2566 คาดผลประกอบการโตต่อเนื่อง 11%
งวด 4Q65 กำไร 42 ลบ. ดีกว่าที่เราคาด 8%: บริษัทรายงานรายได้งวด 4Q65 เท่ากับ 645 ลบ. -21%YoY +13%QoQ ใกล้เคียงกับที่เราคาด
โดยรายได้หดตัว YoY เนื่องจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐที่สนับสนุนวงเงินต่อคนน้อยลงจากปีก่อน (Table1) สะท้อนการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่หดตัว 14%YoY อย่างไรก็ตาม รายได้รวมหดตัวลงไม่มาก เนื่องจากแผนการขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องช่วยชดเชยรายได้บางส่วนที่หายไปจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย ณ ปลาย ธ.ค.65 มีสาขาจำนวนทั้งสิ้น 43 แห่ง (+5 สาขา YoY +2 สาขา QoQ) ขณะที่ รายได้เติบโต QoQ จากการเข้าสู่ช่วง High Season ประกอบกับเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มฟื้นตัว ส่วน %GPM ปรับดีขึ้นมาที่ระดับ 17.3% สูงกว่าที่เราคาดที่ระดับ 17.2% (4Q64 = 17.4%, 3Q65 = 16.9%) ส่งผลให้งวด 4Q65 มีกำไร 42 ลบ. ดีกว่าที่เราคาด 8% โดยทั้งปี 65 บริษัทมีรายได้ 2,433 ลบ. -7%YoY (ตามคาด) และกำไร 149 ลบ. (ดีกว่าคาด 2%)
• ปรับประมาณการกำไรปี 66 ลดลง 2% สู่ 165 ลบ. ยังคงเติบโต +11%YoY จากการปรับลดแผนขยายสาขาใหม่ที่ลดลงสู่ 5 แห่ง (เดิมคาด 6 แห่ง): เราปรับประมาณการรายได้และกำไรปี 66 ลดลง 2% สู่ 2,699 ลบ. และ 165 ลบ. ตามลำดับ จากการปรับแผนขยายสาขาใหม่ในปี 66 ลดลงเหลือ 5 สาขา (เดิมคาด 6 สาขา) สู่ทั้งหมด 48 สาขา อย่างไรก็ตาม รายได้และกำไรยังคงเติบโต 11%YoY โดยปัจจัยเติบโตหลักมาจากแผนขยายสาขาใหม่ 5 สาขา ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐในปี 66 เราคาดว่าจะได้รับอานิสงส์ไม่มาก อาทิ 1) การปรับวงเงินสนับสนุนในบัตรสวัสดิการฯ เพิ่มอีก 200 บาท เป็น 400-500 บาท ภายในช่วงเดือน ม.ค.66 (ได้รับเพียง 1 เดือน) และ 2) มาตรการ “ช้อปดีมีคืน” เราคาดว่าบริษัทจะได้รับผลประโยชน์ไม่มาก เนื่องจากมูลค่าการซื้อสินค้าต่อบิลต่ำ ทำให้ลูกค้าอาจไม่เลือกใช้สิทธิดังกล่าวเพื่อซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อ ขณะที่ สมมติฐาน %GPM คงคาดที่ระดับ 17.1% เท่ากับปี 65 ทั้งนี้ แนวโน้มผลประกอบการปี 66 ยังไม่ได้รวมอัพไซต์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆที่อาจมีเพิ่มเติม
• คงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเหมาะสมปี 66 ราว 5.75 บาท: เราคงราคาเหมาะสม TNP ที่ 5.75 บาท โดยอิง Prospective PER ที่ระดับเดิม 27.5x และคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 66 ราว 0.21 บาท/หุ้น ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ PER เพียง 21.5x ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมค้าปลีก (CPALL BJC KK TNP) ที่ระดับ 35.4x โดยราคาเป้าหมายมีอัพไซต์จากราคาปัจจุบัน 44% และจ่ายปันผลในอัตราราว 2% ต่อปี ส่งผลให้เราคงคำแนะนำ “ซื้อ”
ปัจจัยเสี่ยง
i) แนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในอุตสาหกรรมค้าปลีก
ii) แผนการขยายสาขาไม่เป็นไปตามเป้า
iii) การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมเริ่มชะลอลง
iv) ภาครัฐหยุดกระตุ้นเศรษฐกิจ