อาจผันผวนบ้าง แต่ยังไม่เห้นสัญญาณน่ากังวลรอบใหม่ของธนาคารต่างประเทศ

อาจผันผวนบ้าง แต่ยังไม่เห้นสัญญาณน่ากังวลรอบใหม่ของธนาคารต่างประเทศ

สถานการณ์ของ DB ไม่เหมือนกับ CS ราคาหุ้นธนาคาร Deutsche Bank (DB) ปรับลดลง -14.5% ก่อนปิดไปที่ -8.5% ขณะที่ตราสารประกันความเสี่ยงผิดนัดชำระ (CDS) ของธนาคารปรับสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนกังวลอาจเกิดปัญหาลุกลามมายังธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมัน

อย่างไรก็ตาม DB เป็นธนาคารที่มีกำไรต่อเนื่อง (ไม่เหมือน CS ที่ขาดทุนหนัก) ขณะที่ฐานเงินทุนมีความแข็งแกร่ง ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ว่าความผันผวนดังกล่าวเกิดจากข่าว DB ต้องการไถ่ถอนหุ้นกู้ (Subordinated Tier 2 notes due 2028) ก่อนกำหนด ซึ่งควรเป็นปัจจัยบวกยืนยันพื้นฐานความแข็งแกร่งของธนาคาร อย่างไรก็ตามในภาวะที่ตลาดมีความกังวลต่อความเปราะบางของพื้นฐานธนาคาร การดำเนินงานที่ผิดไปจากปกติ รวมไปถึงการลดน้ำหนักเนื่องจากวัฏจักรดอกเบี้ยที่ผ่านจุดสงสุด แรงขายหรือการปรับลดของหุ้นธนาคารอาจสร้างความผันผวนต่อบรรยากาสลงทุนระยะสั้นได้ แต่เราประเมินสถานการณ์ดังกล่าวห่างไกลจากวิกฤติ

 

เน้นเลือกหุ้นมากกว่ามองระดับดัชนี ธีมการลงทุนในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า เราคาดจะเห็นการหมุนออก หรือลดน้ำหนักจากหุ้นกลุ่มได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาขึ้น และไปเพิ่มน้ำหนักยัง 1) หุ้นฟื้นตัวที่มีการถือครองต่ำ 2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนราคาพลังงานลดลง 3) หุ้นปลอดภัยหรือที่มีกระแสเงินสดคล้ายพันธบัตร (bond like stock) ซึ่งหุ้นที่อยู่ธีมการลงทุนดังกล่าวได้แก่ กลุ่มค้าปลีก หุ้นเปิดเมือง (บางตัว) กลุ่มบรรจุภัณฑ์ กลุ่มอาหาร (ร้านอาหาร) กลุ่มไฟฟ้า และกลุ่มสื่อสาร โดยมีหุ้นที่เราชอบ ได้แก่ CPALL, MAKRO, BJC, WHA, AMATA, ROJNA, PTG, OR, MAJOR, SPA, ERW, VRANDA, BGC, M, SORKON, SNP, BGRIM, GPSC, GULF, GUNKUL, ADVANC เป็นต้น
 

ภาพรวมกลยุทธ์: มองตลาดผันผวนระยะสั้นจากการปรับพอร์ตลดน้ำหนักธีมดอกเบี้ยขาขึ้นไปเป็นดอกเบี้ยผ่านจุดสูงสุด ทยอยสะสมเน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) ได้แก่ และหุ้นที่มีปัจจัยบวกรายตัว โดยหุ้นที่เรามองสามารถทยอยสะสม ได้แก่ MAJOR, CPALL, MAKRO, BJC, PTTGC, IRPC, TIDLOR, AMANAH, MILL, TSTH, KSL, ROJNA, SAMART, SDC เป็นต้น

หุ้นแนะนำ: WHART*, GUNKUL*, ESSO*, BJC*

แนวรับ: 1,570-1,580 / แนวต้าน : 1,600-1,605 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

IMF คาด GDP จีนขยายตัว 5.2% ปีนี้ มั่นใจจีนช่วยหนุนเศรษฐกิจโลกเติบโต – คริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง และจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว พร้อมกับเรียกร้องให้ทางการจีนเร่งสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจโดยมุ่งเน้นการกระตุ้นการอุปโภคบริโภค

ททท.คาดปี 66 มีลุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยแตะ 30 ล้านคน หลัง Q1/66 ฟื้นเร็ว –ม.ค.66 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยจำนวน 2.14 ล้านคน ขยายตัว 1,502.76% อีกทั้ง ททท. คาดว่าไตรมาส 1/66 นี้ จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยราว 6 ล้านคน และตลอดทั้งปีนี้ ไทยน่าจะมีลุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน และอาจมีลุ้นถึง 30 ล้านคน

Opportunity day - 27 มี.ค. – DDD, SYNTEC, NER, WP, NDR, TQM, TNITY / 28 มี.ค. – TPS, SEAFCO, NNCL, INET, HPT, TPAC, ACE / 29 มี.ค. – AMR, THAI, AIMCG, ASEFA, SCN, TRC, TMILL / 30 มี.ค. – SPC, MEGA, SC, TACC, DEMCO, SKE, FN            

 

ประเด็นติดตาม: 28 มี.ค. - CB Consumer Confidence / 29 มี.ค. - Pending Home Sales / 30 มี.ค. – US GDP Q4 / 31 มี.ค. – EU CPI, Core PCE Price Index / 3 เม.ย. - ISM Manufacturing PMI

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)