วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (29 มี.ค. 66)

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา

+ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เทกซัส ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดกังวลอุปทานตึงตัว หลังอิรักระงับการส่งออกน้ำมันดิบจากแคว้นเคอร์ดิสถานราว 450,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นการขนส่งผ่านทางท่อลำเลียงไปทางตอนเหนือของตุรกี เนื่องจากคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการยืนยันว่าการขนส่งดังกล่าวต้องผ่านการยินยอมจากอิรักก่อน โดยนักวิเคราะห์คาดว่าการระงับการส่งออกน้ำมันดิบอาจยืดเยื้อไปถึงสิ้นปีนี้ ส่งผลให้ธนาคาร Barclays ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในปี 2023 กว่า 3 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สู่ระดับ 92 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

+ อุปสงค์เชื้อเพลิงจากจีนมีแนวโน้มฟื้นขึ้นหลังการเปิดประเทศ โดยจากรายงานของ China National Petroleum Corporation (CNPC) ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ระบุว่าตัวเลขการนำเข้าน้ำมันดิบในจีนมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 6.2% ภายในปี 2566 ขณะที่การผลิตน้ำมันจากโรงกลั่นของจีนคาดว่าจะปรับเพิ่มกว่า 7.8% เช่นกัน

- หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) เผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 24 มี.ค.  66 ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 6.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 0.2 ล้านบาร์เรล
 

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตัวเลขอุปสงค์ในอินเดียปรับลดลงกว่า 2% อย่างไรก็ดี ราคายังคงได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่ลดลง หลังโรงกลั่นในออสเตรเลียหยุดการผลิตเพื่อซ่อมบำรุงโดยไม่ได้วางแผนจากปัญหาด้านเทคนิค

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปทานในยุโรปที่ยังตึงตัวต่อเนื่อง จากการประท้วงแผนปฏิรูปเงินบำนาญของรัฐบาลในฝรั่งเศส ขณะที่ตัวเลขการผลิตน้ำมันดีเซลในประเทศอินเดียปรับลดลงเช่นกัน