บรรยากาศซื้อขายอาจชะลอจากการเข้าใกล้ช่วงหยุดยาว
มุมบวกและลบจากตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ที่เริ่มชะลอตัวลง เมื่อคืนสหรัฐฯ รายงานตัวเลขตำแหน่งงานที่เปิดรับ (JOLTS Job Openings) ก.พ.66 ที่ 9.9 ล้านตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 10.5 ล้านตำแหน่ง และต่ำสุดในรอบ 21 เดือน (ม.ค.อยู่ที่ 10.6 ล้านตำแหน่ง)
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจที่เริ่มลดความร้อนแรง ซึ่งจะเป็นบวกต่อการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แม้ว่าอาจจะยังต้องขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ในการประชุม 3 พ.ค. อย่างไรก็ตามตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจะสร้างแรงกดดันต่อแนวโน้มการปรับลดประมาณการกำไร รวมถึงความต้องการใช้น้ำมันดิบ ประกอบกับความเห็นของผู้บริหาร JPM เกี่ยวกับวิกฤติภาคธนาคารที่อาจจะใช้เวลาแก้ปัญหาอีกนาน เป็นปัจจัยกดดันต่อบรรยากาศลงทุน และสินค้าโภคภัณฑ์ในระยะสั้น
วันนี้ติดตามการประกาศผลไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 5200MW โดยกกพ. เรายังคงมุมมองบวกต่อการเสนอขายไฟรอบนี้ ที่ผู้ชนะจะได้ผลตอบแทนที่อัตรา Feed-in-tarif ที่คุ้มค่ากับการลงทุนและความเสี่ยง ซึ่งต่างกับในการเสนอขายไฟรอบก่อนที่ใช้การประมูล (ผู้ชนะคือผู้เสนอราคาต่ำสุด ทำให้มีความเสี่ยงเรื่องผลตอบแทนการลงทุน) เรามองหุ้นที่มี exposure กับพลังงานหมุนเวียนสูง อย่าง GUNKUL, BGRIM, GULF จะมีโอกาสเพิ่มอัพไซด์และราคาเหมาะสมจากการได้รับคัดเลือกนี้
ธีมการลงทุนในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า เราคาดจะเห็นการหมุนออก หรือลดน้ำหนักจากหุ้นกลุ่มได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาขึ้น และไปเพิ่มน้ำหนักยัง 1) หุ้นฟื้นตัวที่มีการถือครองต่ำ 2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนราคาพลังงานลดลง 3) หุ้นปลอดภัยหรือที่มีกระแสเงินสดคล้ายพันธบัตร (bond like stock) ซึ่งหุ้นที่อยู่ธีมการลงทุนดังกล่าวได้แก่ กลุ่มค้าปลีก หุ้นเปิดเมือง (บางตัว) กลุ่มบรรจุภัณฑ์ กลุ่มอาหาร (ร้านอาหาร) กลุ่มไฟฟ้า และกลุ่มสื่อสาร และหุ้นนิคมอุตสาหกรรม โดยมีหุ้นที่เราชอบ ได้แก่ CPALL, MAKRO, BJC, MAJOR, SPA, VRANDA, BGC, M, SORKON, SNP, BGRIM, GPSC, GULF, GUNKUL, ADVANC, WHA, WHAUP, AMATA, ROJNA เป็นต้น // ขณะที่ในช่วง 1-2 เดือน กลุ่มพลังงาน และสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างน้ำตาล มีปัจจัยบวกในการเก็งกำไร เราชอบ PTTEP, ESSO, SPRC, BCP, KSL, KBS, BRR
ภาพรวมกลยุทธ์: ตลาดระยะสั้นอาจผันผวนได้ อย่างไรก็ตามยังมองทยอยสะสมเน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) โดยมีหุ้นที่เราชอบ ได้แก่ CPALL, MAKRO, BJC, WHA, AMATA, ROJNA, PTG, OR, MAJOR, SPA, ERW, VRANDA, BGC, M, SORKON, SNP, BGRIM, GPSC, GULF, GUNKUL, ADVANC เป็นต้น
หุ้นแนะนำ: GUNKUL*, GULF*, BCP*, KSL*
แนวรับ: 1,579-1,587 / แนวต้าน : 1,609 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ
สหรัฐเผยคำสั่งซื้อภาคโรงงานต่ำกว่าคาด – ร่วงลง 0.7% ในเดือนก.พ. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 0.5% หลังจากดิ่งลง 2.1% ในเดือนม.ค.
สหรัฐเผยตัวเลขเปิดรับสมัครงานต่ำสุดรอบเกือบ 2 ปี – ผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ประจำเดือนก.พ. พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัวของตลาดแรงงาน
เลขา EEC ใหม่เร่งดันไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน-อู่ตะเภา – หลังได้เข้ารับตำแหน่งเลขาธิการ อีอีซี เป็นทางการเมื่อวันที่ 1 เม.ย 2566 ภารกิจงานเร่งด่วนที่จะดำเนินการ คือ ทบทวนแผนภาพรวม เพื่อการพัฒนา อีอีซี ให้สอดคล้องกับบริบทโลกในอนาคต
Opportunity day - 5 เม.ย. – SIS, ECF, VIBHA, KTMS, PORT, NWR, AU / 7 เม.ย. – BC, SKR, FTI, FVC, KK, LHHOTEL, AHC
ประเด็นติดตาม: 5 เม.ย. - ISM Non-Manufacturing PMI / 6 เม.ย. - Initial Jobless Claims / 7 เม.ย. - Nonfarm Payrolls / 12 เม.ย. - US CPI, FOMC Meeting Minutes / 13 เม.ย. - US PPI / 14 เม.ย. - US Retail Sales / 18 เม.ย. – US Building Permits
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)