ระยะสั้นยังถูกกดดันจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่มีสัญญาณชะลอตัว

ระยะสั้นยังถูกกดดันจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่มีสัญญาณชะลอตัว

WTO และ IMF ออกรายงานเตือนเกี่ยวกับการชะลอของเศรษฐกิจโลก บรรยากาศลงทุนโดยรวมระยะสั้นยังเป็นลบจากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยในวันพุธ (5 เม.ย.) ที่ผ่านมา มีรายงานเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่สำคัญ 2 ฉบับ ได้แก่ 

1) องค์การการค้าโลก (WTO) ได้เผยแพร่รายงาน "Global Trade Outlook and Statistics" โดยระบุว่า ปริมาณการค้าโลกในปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัวเพียง 1.7% ซึ่งชะลอตัวลงจากปี 2565 ที่มีการขยายตัว 2.7% และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 12 ปีที่ผ่านมาซึ่งมีการขยายตัว 2.6% การค้าโลกในปี 2566 มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากสงครามที่ยืดเยื้อในยูเครน รวมทั้งปัญหาเงินเฟ้อ และการที่ธนาคารกลางทั่วโลกใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน

2) องค์กรการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จัดแถลงข่าว “The Cost of Fragmentation” เผยแพร่เนื้อหาบทที่ 4 ของรายงานเศรษฐกิจรายไตรมาสฉบับ ม.ค.66 (Chapter 4: Geoeconomic Fragmentation and Foreign Direct Investment) ใจความสำคัญพูดถึงผลกระทบของความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical risk) ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความขัดแย้งด้านเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐและจีน จะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก การลงทุนในต่างประเทศ และจะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของโลกได้รับความเสียหายในอัตราส่วนสูงถึง 2% ในระยะยาว
 

กกพ.ประกาศผลไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 1) สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง มีผู้ได้รับการคัดเลือก 175 ราย กำลังการผลิตรวม 4,852.26MW 2) สำหรับกลุ่มขยะอุตสาหกรรม มีผู้ได้รับคัดเลือก 13 ราย กำลังการผลิต 100MW // เรายังคงมุมมองบวกต่อการเสนอขายไฟรอบนี้ที่ได้ผลตอบแทนตามราคา Feed-in-tariff ที่ระบุไว้แล้ว (ต่างกับรอบก่อนที่ผู้ชนะคือผู้ประมูลราคาต่ำสุด ซึ่งอาจมีความเสี่ยงเรื่องผลตอบแทนการลงทุน)  ทั้งนี้ เรามองบวกต่อผู้ชนะการประมูลที่มีกำลังการผลิตเพื่อมมากและมีผลตอบอัพไซด์ของหุ้น ได้แก่ ETC (Not rated) ประมาณ 80MW และ GUNKUL (Not rated) ประมาณ 830MW / / ขณะที่ GULF (2,500MW) BGRIM (340MW หรือ 160MW ตามสัดส่วนการถือหุ้น) และ BCPG (12MW) คาดว่าผลบวกต่อกำไรอาจไม่ได้มีนัยสำคัญ (หรืออาจใช้เวลานานมากที่จะรับรู้) 

ภาพรวมกลยุทธ์: ตลาดระยะสั้นยังอาจผันผวนจากความกังวลเศรษฐกิจโลก เก็งกำไรระยะสั้น อาจเลือกน้ำตาลและกลุ่มไฟฟ้า ขณะที่การลงทุนเน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned)  โดยมีหุ้นที่เราชอบ ได้แก่ CPALL, MAKRO, BJC, WHA, AMATA, ROJNA, PTG, OR, MAJOR, SPA, ERW, VRANDA, BGC, M, SORKON, SNP, BGRIM, GPSC, GULF, GUNKUL, ADVANC เป็นต้น

หุ้นแนะนำ: GUNKUL*, ETC*, ROJNA*, KSL*

แนวรับ: 1,560 / แนวต้าน : 1,584 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

 

 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

IMF – คาดเศรษฐกิจโลกน่าจะโตไม่ถึง 3% ในปี 2566 ชะลอตัวลงจากที่โต 3.4% เมื่อปีที่ผ่านมา และคาดว่าเศรษฐกิจจะโตทรงตัวที่ 3% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยเป็นตัวเลขคาดการณ์การเติบโตระยะกลางที่น้อยที่สุดเท่าที่ IMF เคยประเมินมาตั้งแต่ปี 2533 ทั้งยังน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 3.8%

Caixin PMI - ดัชนี PMI ภาคบริการมี.ค.ของจีนพุ่งขึ้นแตะระดับ 57.8 จากระดับ 55.0 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเดือนที่ 3 และเป็นอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 2 ปี นับตั้งแต่พ.ย. 2563

กกร.คง GDP ปีนี้โต 3-3.5% จับตาราคาน้ำมัน อาจฉุดส่งออกร่วง - กกร.คงประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ไว้ตามเดิมที่ 3.0-3.5% ตามกรอบที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ และประเมินว่ามูลค่าการส่งออกของไทย มีโอกาสหดตัวในกรอบ -1 ถึง 0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไป คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 2.7-3.2%

Opportunity day - 7 เม.ย. – BC, SKR, FTI, FVC, KK, LHHOTEL, AHC                            

 

ประเด็นติดตาม: 7 เม.ย. - Nonfarm Payrolls / 12 เม.ย. - US CPI, FOMC Meeting Minutes / 13 เม.ย. - US PPI / 14 เม.ย. - US Retail Sales / 18 เม.ย. – US Building Permits / 19 เม.ย. – EU CPI / 20 เม.ย. – US Existing Home Sales / 25 เม.ย. – US New Home Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)