TNP มองเป็นโอกาสเข้าลงทุนด้วยปัจจัยพื้นฐานแกร่ง
คาดว่ากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในภาคเหนือของประเทศไทยถูกคาดว่าจะอยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่องใน 1Q66
หนุนจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติประกอบกับรายได้ผลผลิตเกษตร (farm income) ยังคงดีอยู่ (เพิ่มขึ้น 11% YoY ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้) แต่ อาจมีการเลื่อน/ชะลอการบริโภคออกไปซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและต้นทุน เราคาดกำไรสุทธิ 1Q66 ของ TNP ที่ 38 ล้านบาท (+5% YoY แต่ -12% QoQ) กำไรที่เพิ่ม YoY หนุนจากการขยายสาขาร้าน ขณะที่ QoQ อ่อนตัว เป็นผลจากปัจจัยฤดูกาล ทางด้าน ยอดขาย 1Q66 ของ TNP คาดอยู่ที่ 640 ล้านบาท (+9% YoY แต่ -1% QoQ) ผลจากการขยายสาขาร้านเป็นหลัก (จากจำนวน 38 ร้าน เมื่อสิ้นงวด 1Q65 เป็น 42 ร้าน ณ สิ้น 1Q66) ท่ามกลาง SSSG ทรงตัวใน 1Q66 สำหรับ อัตรากำไรขั้นต้น 1Q66 คาดอยู่ที่ 17% (ทรงตัว YoY และ - 30bps QoQ) นอกจากนี้ เราคาดว่าสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายใน 1Q66 จะอยู่ที่ 10.2% (เทียบกับ 10.1%ใน 1Q65 และ 9.9% ใน 4Q65) สะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นของต้นทุนสาธารณูปโภค (ประมาณ 0.6% ของยอดขาย) และ ต้นทุนด้าน logistic (ประมาณ 0.3% ของยอดขาย)
แม้ว่าเราปรับลดประมาณการกำไรลง แต่ คาดกำไรยังเติบโตเด่นด้วยปัจจัยพื้นฐานแกร่ง
TNP รายงานกำไรสุทธิหดตัว 22% ในปี 2565 (และต่ำกว่าประมาณการเราที่ 8%) เป็นผลจากฐานที่สูงของมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ Covid-19 ระบาดปี 2564 อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าแนวโน้มกำไรจะฟื้นตัวในปีนี้ (2566) ภายหลังจากการปรับฐานในปีก่อน เรามีการปรับลดประมาณการกำไรปี 2566-2567 ลงเฉลี่ย 8% เพื่อสะท้อนผลที่ต่ำกว่าคาดในปี 2565 (Figure 2) เรายังคงมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของกำไรจาก i) รัฐบาลได้อนุมัติเงินอุดหนุนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐงวดล่าสุด (ประมาณ 13 ล้านคน) ที่ 300 บาท/คน (เริ่มเดือนเมษายน 2566) และ ii) แผนรุกขยายสาขาร้าน ในขณะที่ เรามองว่าสมมติฐานประมาณการกำไรอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างระมัดระวัง (Conservative) จาก i) SSSG ที่ 2.0%/1.5% ในปี 2566/2567 เทียบกับในอดีตช่วงปี 2559-2562 (ซึ่งเป็นภาวะปกติ) Figure 6 SSSG อยู่ระหว่าง -1.8% ถึง 2.6% ด้วยอัตราการเติบโตของยอดขายระหว่าง 8% ถึง 13% ii) อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นราว 20bps p.a.ในปี 2566-2567 (Figure 7) เทียบกับในอดีตเมื่อปี 2559-2563 ที่เพิ่มขึ้นระหว่าง 60-110bps ทั้งนี้ ราคาหุ้น TNP ย่อตัวลงมาเรามองเป็นโอกาสเข้าลงทุน ด้วยราคาไม่แพงและมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โดย PER อยู่ที่ 16X (เท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีต -1.0 S.D) อิง EPS ปี 2566 ของราคาปิด TNP ล่าสุด ด้วยอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิที่ 20%/13% ในปี 2566/2567 ตามลำดับ
Valuation & action
เราปรับลดราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ลงจากเดิมที่ 4.80 บาท เป็น 4.20 บาท อิงจาก PER ที่ 19.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต -0.5 S.D) ภายใต้สมมติฐาน i) ราคาปิดล่าสุดมี upside เหลืออีกราว 19% จากราคาเป้าหมายของเราและ ii) ปัจจัยพื้นฐานแกร่งโดยกำไรมีอัตราการเติบโตเด่น เรายังคงคำแนะนำ “ ซื้อ”
Risks
ภัยธรรมชาติ, การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น, การบริหารสินค้าคงคลัง, การดำเนินงานสะดุด, disruption จากเทคโนโลยีใหม่, ความเสี่ยงจากการขยายสาขาร้าน และ ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ