ติดตามเพดานหนี้สหรัฐฯ และการเลือกตั้ง 14 พ.ค.
การเจรจาเรื่องเพดานหนี้สหรัฐฯ จะยังเป็นปัจจัยกดดันบรรยากาศภาพรวม ดัชนีค่าเงินสหรัฐฯ (Dollar Index) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย สะท้อนความกังวลของนักลงทุนต่อปัญหาการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐฯ จากข่าวสารที่เข้ามาในช่วงนี้
ได้แก่ 1) การเลื่อนการพูดคุยระหว่างประธานาธิบดีไบเดน และประธานสภาผู้แทนราษฎรแมคคาร์ธี ในขณะที่เหลือเวลาไม่มากก่อนถึงวันที่สหรัฐฯ อาจไม่เหลือเงินคงคลัง 2) IMF มองการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลก รวมทั้งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยดีดตัวขึ้น 3) JP Morgan ตั้ง "วอร์รูม" ขึ้น เพื่อรับมือกับการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ โดยจะปรับจากประชุมรายสัปดาหืเป็นรายวันตั้งแต่ 21 พ.ค. และจะเพิ่มเป็น 3 ครั้ง/วัน หากปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข
การเลือกตั้งไทยและความเป็นไปได้ของผลลัพธ์ การเลือกตั้งทั่วไป 14 พ.ค.มีโอกาสเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของการดำเนินนโยบายและความคาดหวังของเศรษฐกิจ เราประเมินผลลัพธ์การเลือกตั้งโดยเรียงจากมุมมองบวกมากที่สุดไปยังลบมากที่สุดดังนี้ 1) เกิดการเปลี่ยนขั้วอำนาจ (พรรคร่วมฝ่ายค้านตั้งรัฐบาลสำเร็จ) โอกาส 20% 2) เกิดการจับมือข้ามขั้วการเมือง (เพื่อไทยจับมือกับพรรคแกนนำรัฐบาลเดิม) โอกาส 40% 3) ได้รัฐบาลจากขั้วอำนาจเดิม โอกาส 30% 4) เกิดสูญญากาศทางการเมือง (ไม่มีฝ่ายใดรวมเสียงได้ถึง 376 หรือส.ว.งดออกเสียงทำให้ไม่สามารถตั้งนายกรัฐมนตรีได้) โอกาส 10% // แม้เรามอง 3 ความเป็นไปได้แรกจะบวกต่อตลาดหุ้น แต่ตัวแปรเกี่ยวกับการรับรองการเลือกตั้งที่ใช้เวลาถึง 1 เดือน และการดำเนินคดีเกี่ยวกับคุณสมบัติและการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง รวมทั้งการเจรจาต่อรองในช่วงของการทยอยรับรองผลการเลือกตั้ง อาจทำให้บรรยากาศลงทุนระยะสั้นผันผวน แต่เรามองหุ้นกลุ่มที่อิงโมเมนตัมเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งค้าปลีก เปิดเมือง ท่องเที่ยว และอิงนโยบายภาครัฐ จะเคลื่อนไหวได้ดีหลังการเลือกตั้ง
ภาพรวมกลยุทธ์: ยังลุ้นภาพใหญ่เป็นการเคลื่อนไหวออกข้างที่มีกรอบการฟื้นตัวด้านบนในระดับ 1,600-1,650 จุด โดยมีแนวต้านระยะสั้นที่ 1,570-1,580 และแนวรับที่ 1,540-1,550 จุด เน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned)
หุ้นแนะนำ: PTG*, BJC, MAJOR*, SAMART*
แนวรับ: 1,550 / แนวต้าน : 1,573-1,580 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ
สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด – โดยเพิ่มขึ้น 22,000 ราย สู่ระดับ 264,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 22 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 245,000 ราย ขณะเดียวกัน จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 12,000 ราย สู่ระดับ 1.81 ล้านราย
สหรัฐเผยดัชนี PPI เดือนเม.ย. ต่ำกว่าคาดการณ์ – โดยปรับตัวขึ้น 2.3% yoy ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 22 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.4% จากระดับ 2.7% ในเดือนมี.ค. ขณะที่ปรับตัวขึ้น 0.2% mom ในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% หลังจากปรับตัวลง 0.4% ในเดือนมี.ค.
ลุ้นค่า FT งวดก.ย.-ธ.ค. หากแนวโน้มราคา LNG ลง – กกพ. ศึกษาแนวโน้มราคาค่าไฟฟ้าโดยคาดว่า งวดก.ย.-ธ.ค. ลด 23-50 สต./หน่วย หากแนวโน้มราคา LNG ลง-ก๊าซอ่าวไทยเพิ่ม หาก PTTEP สามารถผลิตก๊าซในอ่าวไทยได้เพิ่มขึ้นจากหลุม G1 ตามแผน ก็จะทำให้อัตราค่า Ft ลดลงได้มากกว่านี้ อาจลดลงได้ถึง 50 สตางค์ต่อหน่วย
MSCI Rebalancing - การปรับหุ้นเข้า/ออกดัชนี MSCI รอบ พ.ค.66 // MSCI Global Standard (+) เข้า: MAKRO (-) ออก: JMT, TU // MSCI Global Small Cap (+) เข้า: JMT, TIDLOR, SAPPE, SISB, TU (-) ออก: ไม่มี
ประเด็นติดตาม: 16 พ.ค. – US Retail Sales / 17 พ.ค. – US Building Permits, EU CPI / 18 พ.ค. – US Existing Home Sales / 23 พ.ค. – US Services PMI, New Home Sales
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)