CHG - ปรับลดประมาณการกำไร (19 พ.ค. 2566)

CHG - ปรับลดประมาณการกำไร (19 พ.ค. 2566)

แนวโน้มกำไรของ CHG ใน FY23-24F  ไม่สดใส เนื่องจากโรงพยาบาลใหม่สองแห่งจะขาดทุน เรายังคาดว่ารายได้จากประกันสังคมจะโตในอัตราที่ชะลอตัวลง และการแข่งขันสูงขึ้นในภาคตะวันออกหลังปรับสมมติฐาน

เราปรับประมาณการกำไรปี FY23F ลง 22%, ปี FY24F ลง 13% และปี FY25F ลง 5% เราคาดว่ากำไรจะทรงตัว qoq ใน 2Q23F เราปรับราคาเป้าหมายลง 12% เป็น 3.60 บาท คงคำแนะนำ ถือ

 

ปรับลดประมาณการกำไรลง เนื่องจากอัตรากำไรลดลง

ทั้งนี้เนื่องจากค่าใช้จ่ายก่อนเปิดดำเนินการ (บุคลากรและฝึกอบรม) รพ.ใหม่ – รพ.จุฬารัตน์ แม่สอด (CHM) และศูนย์การแพทย์จุฬารัตน์ 2 (CMC2) ซึ่งจะเปิดให้บริการในเดือนมิ.ย.และก.ค.ตามลำดับ  CHM ตั้งอยู่ที่จังหวัดตากจะมุ่งให้บริการผู้ป่วยที่ชำระเงินเอง ผู้ป่วยประกัน/ลูกจ้างบริษัท (ไม่มีประกันสังคม และประกันสุขภาพทั่วหน้า) ทั้งผู้ป่วยไทยและเมียนมาร์  บริษัทแนะอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะลดลงเป็น 25-26% โดยคาดว่า CHM และ CMC2 จะขาดทุน  เราปรับประมาณการกำไรปี FY23F ลง 22% เป็น 1.2 พันลบ., ปี FY24F ลง  13% เป็น 1.4 พันลบ. และปี FY25F ลง 5% เป็น 1.6 พันลบ.

 

คาดกำไรจะทรงตัว qoq ใน 2Q23F

เราคาดรายได้จะทรงตัว qoq ใน 2Q23F เนื่องจาก i) รายได้จากประกันสังคมเพิ่มขึ้น โดยสำนักงานประกันสังคมได้เพิ่มค่าเหมาจ่ายรายหัว 10% เป็น 1,808 บาท/ราย/ปี ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. และ ii) รายได้จาก CHM  ซึ่งจะช่วยชดเชยรายได้จากโรคติดต่อตามฤดูกาลลดลงใน 2Q23 

 

จำนวนผู้ป่วยโควิดรายใหม่เพิ่มขึ้น 542% เป็น 2,356 ช่วง 9 เม.ย.-13 พ.ค.

ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง และอัตราการเสียชีวิตต่ำที่ 22 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า ดังนั้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่จึงเป็นผู้ป่วยนอก และส่วนน้อยเป็นผู้ป่วยในซึ่งรักษาในรพ.เพียง 2-3 วัน การรักษาไม่ซับซ้อน ทำให้รายได้/บิลต่ำ  เราคาดรายได้จากโควิดจะเพิ่มขึ้น qoq ใน 2Q23 แต่จะไม่มีนัยสำคัญ

 

คงคำแนะนำ ถือ และปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 3.60 บาท

เราปรับราคาเป้าหมายลง 12% เป็น 3.60 บาท/หุ้น โดยใช้วิธีส่วนลดกระแสเงินสด และสมมติฐาน WACC 6.9%, beta 0.8x และอัตราเติบโต 1.5% เราเชื่อว่าจำนวนผู้ลงทะเบียนประกันสังคมกับ CHG จะเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ เพราะปัจจุบันอัตราผู้ลงทะเบียนสูงถึง 93% ของโควต้า และมีโควต้าเหลือเพียงสองรพ. (CH 11 และ CH 304) จะส่งผลอัตราเติบโตรายได้ประกันสังคมจะชะลอลงเป็น 5% ต่อปีใน FY23F-25F จาก 9% ก่อนโควิด นอกจากนี้ การแข่งขันในภาคตะวันออกจะสูงขึ้น เนื่องจากจะมีรพ.ใหม่ ๆ เปิดเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้