Sideway หุ้นรายงานพิเศษ ASIAN (26 พ.ค. 66)
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหว sideway ในแดนบวกสลับลบ เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยบวกใหม่ โดยมีแรงซื้อมาจากหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ที่ปรับตัวขึ้นตามบริษัทที่ทำธุรกิจชิป อย่าง Nvidia ซึ่งมียอดขายที่แข็งแกร่งจากชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,535.42 จุด -1.09 จุด -0.07% มูลค่าการซื้อขาย 48,514 ลบ. ต่างชาติ -2,759.72 ลบ. TFEX +2,546 สัญญา ตราสารหนี้ -4,441.49 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผย ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับ GDP ประจำไตรมาส 1/2566 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.3% ในไตรมาสดังกล่าว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.1%
+ กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผย ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 4,000 ราย สู่ระดับ 229,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 245,000 ราย
+ 'อีอีซี'มั่นใจรถไฟส่งมอบพื้นที่ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน ภายใน ต.ค.นี้ รอแจ้งเอกชนเริ่มก่อสร้างได้ภายในปีนี้ เผยอยู่ระหว่างเจรจาผลกระทบโควิด เอกชน คู่สัญญาขอแก้สัญญาการร่วมทุนให้รัฐจ่ายค่าก่อสร้างเร็วขึ้น แบบก่อสร้างไปจ่ายไป
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ลดลง 35.27 จุด หรือ -0.11% โดยนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐที่ยังคงยืดเยื้อ อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้นกว่า 200 จุด หลังจากหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) พุ่งขึ้นขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาด
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 2.51 ดอลลาร์ หรือ 3.38% ปิดที่ 71.83 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากรัสเซียประกาศขวางการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมในการประชุมของกลุ่มโอเปคพลัส ในวันที่ 4 มิ.ย.
- สำนักงานสถิติเยอรมนีระบุในวันนี้ว่า เศรษฐกิจของเยอรมนีหดตัว 0.3% ในไตรมาส 1/2566 เทียบกับช่วง 3 เดือนก่อนหน้า ทำให้เยอรมนีเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
- สศอ.ย้ำ EU เอาจริง จ่อใช้มาตรการภาษีคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน 1 ต.ค.นี้ แนะผู้ประกอบการไทยปรับตัว-ขยายตลาดส่งออก
- รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผู้ส่งออกมีความเป็นห่วงเรื่องนโยบายการขึ้นค่าแรงของรัฐบาล จะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่กระทบต่อการส่งออกของไทย เพราะหากค่าแรงขึ้นจะทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่ม และการแข่งขันยากกว่าเดิม
- บริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก ได้ออกรายงานโดยระบุว่าความ ไม่แน่นอนด้านการเมืองและการคลัง อาจจะ เป็นปัจจัยฉุดรั้งอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีวันนี้มีโอกาสแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐที่ยังคงยืดเยื้อ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงแรงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ 1,525-1,540 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• จำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้น : AOT BAFS AAV BA MINT CENTEL ERW SPA
• หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BBL COM7 CPALL
• หุ้นเข้าคำนวณ MSCI Equity Indexes เข้า MAKRO ออก JMT, TU และ MSCI Small Cap Indexes เข้า JMT, TIDLOR, SAPPE, SISB ,TU ออก – มีผลวันที่ 31พ.ค.
หุ้นรายงานพิเศษ
ASIAN - "ซื้อเมื่ออ่อนตัว"
(Bloomberg Consensus 10.80 บาท)
•งวด 1Q66 บริษัทมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 51 ลบ. -80%YoY, -82%QoQ มาจากรายได้จำนวน 2,272 ลบ. -20%YoY, -10%QoQ สาเหตุหลักมาจากยอดขาย pet food กับ frozen ที่ลดลง เนื่องจากลูกค้าหลักของบริษัทยังมี stock สินค้าคงเหลือจำนวนมาก สัดส่วนยอดขาย แบ่งเป็น Pet food 47%, Frozen 26%, Tuna 16%, Aqua Feed 11% มี %GPM ที่ระดับ 9.2% เพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลงมาก QoQ จากระดับ 8.8% ใน 1Q65 และ 16.5% ใน 4Q65 ผลกระทบจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงซึ่งเป็นธุรกิจที่มี margin สูงมีรายได้ลดลง
•Outlook 2Q66 ผู้บริหารคาดธุรกิจ Pet food และธุรกิจ Frozen จะเติบโต QoQ เนื่องจากปัญหา stock ที่มีมากของลูกค้าในสหรัฐคลี่คลาย ธุรกิจ Tuna จะลดลง QoQ เนื่องจากคำสั่งซื้อจาก Pet food เพิ่มขึ้น และธุรกิจ Aqua Feed คาดเพิ่มขึ้น QoQ เนื่องจากเป็นฤดูเพาะเลี้ยงกุ้ง สำหรับทั้งปี 66 ผู้บริหารปรับเป้าการเติบโตของรายได้จากเดิม 13 พันลบ. เหลือ 10.7 พันลบ. หรือลดลง -4.5%YoY จากการปรับลดเป้าการเติบโตของธุรกิจ Pet Food และ Frozen และคาด %GP รวมของบริษัทจากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 18-19% เหลือ 13-14% 26 May 2023
•ความเห็น เรามีมุมมองเป็นกลางค่อนไปทางบวก แม้ว่า Bloomberg Consensus คาดกำไรเฉลี่ยปี 66 ราว 765 ลบ. -26%YoY แต่เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง YTD ปรับตัวลง -27% เราคาดว่าราคาได้สะท้อนประเด็นลบแล้ว พร้อมทั้งเราคาดว่าผลการดำเนินงานใน 1Q66 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และจะทยอยปรับตัวขึ้น QoQ เราจึงแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”
หุ้นมีข่าว
(+) GFPT (Bloomberg consensus 13.10 บาท) มั่นใจผลงานโค้งสองโตต่อเนื่อง และจะเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 หนุนจากช่วงไฮซีซันการส่งออกในช่วงไตรมาส 3/2566 และยอดส่งออกไปจีนเร่งตัวแตะระดับก่อนเกิดโควิด-19 ได้แล้ว พร้อมติดตามสถานการณ์ไข้หวัดนกในบราซิลอย่างใกล้ชิด เตรียมแผนขยายตลาดรองรับโรงเชือดใหม่เสร็จปลายปี (ที่มา ทันหุ้น)
(+) FORTH (Bloomberg consensus 37.75 บาท) เจรจา "เป๊ปซี่" ต่อยอดธุรกิจ พร้อมจัดโปรโมชั่นปลุกกระแสตู้เต่าบิน เล็งยื่นไฟลิ่งเข้าตลาดหุ้นปลายปีนี้ เร่งอัพยอดแตะ 2 หมื่นตู้ ขณะที่ธุรกิจ EMS ยื่นไฟลิ่งมิถุนายนนี้ เตรียมประมูลงานอีก 6.8 พันล้านบาท พร้อมคงแผนขยายตู้ชาร์จไฟฟ้า "กิ้งก่า อีวี" คาดปีนี้ติดตั้งได้ 5 พันหัวจ่าย เร่งหนักครึ่งปีหลัง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) KWM (Bloomberg consensus - บาท) คาดโรงสกัดสาร CBD ลูกค้าแห่ใช้บริการเพียบ หลังพรรคร่วมรัฐบาล ประกาศดันกัญชากลับไปสู่ยาเสพติด หนุนลูกค้าหันมาสู่กัญชงเพิ่ม แย้มเตรียมคลอดโปรดักต์กลุ่มเครื่องสำอางที่มีส่วนผสม CBD ลงตลาดเร็วๆ นี้ คาดรับทรัพย์ปีละ 3-4 ล้านบาท ด้านธุรกิจเกษตรไปได้สวย รุกสยายปีกต่างแดน (ที่มา ทันหุ้น)
(+) MOSHI (Bloomberg consensus 47.00 บาท) ฉายแวว ผลงานไตรมาส 2/2566 เด่น รับอานิสงส์เปิดประเทศท่องเที่ยว โควิด-19 คลายตัว เศรษฐกิจฟื้นและเงินบาทที่แข็งค่าเอื้อ ต่อการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ พร้อมคงความสามารถในการรักษาระดับ SSSG ให้อยู่เหนือ 20% ได้ต่อเนื่อง อัดฉีดงบ 130-150 ล้านบาท ขยายสาขาใหม่และรองรับระบบไอที ย้ำยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2566 โตไม่ต่ำกว่า 20% (ที่มา ทันหุ้น)