KTX Zoom (30 พฤษภาคม 2566)
แรงหนุน จากโมเมนตัมส่งออกไทยและความเสี่ยงเพดานหนี้สหรัฐฯ คลี่คลาย
Today’s dominant ideas
คาด SET Index เคลื่อนไหว Sideways Up แนวรับ 1,527/1,517 จุด แนวต้าน 1,546/1,555 จุด ทางเทคนิค ดัชนีฯ ยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways กรอบ 1,527-1,546 จุด เพื่อสะสมพลังก่อนขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,565/1,580 จุด (EMA 50/75 วัน) ตามลำดับ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเครื่องมือ RSI, Stochastic ที่ยังไม่เข้าเขต Overbought Area
ประเด็นที่ตลาดให้ความสนใจวันนี้ ได้แก่ 1. ปัจจัยการเมืองในประเทศ จับตาการเจรจาของพรรคก้าวไกลกับพันธมิตรพรรคร่วม ประชุมเวลา 14.30 น. ที่พรรคประชาชาติ คาดช่วยเพิ่มความเข้าใจ ลดการขัดแย้ง และหารือแนวทางและแผนการทางานร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป 2. ตัวเลขส่งออกไทยเดือน เม.ย. 2023 (รูปบน) โดย KTX คาดหดตัว -3.6% YoY Vs Consensus คาด -1.9% YoY โดยเป็นการฟื้นตัวต่อเนื่องจาก -4.2% YoY ในเดือน มี.ค. อิงดัชนี PMI (Weight average) ของเศรษฐกิจคู่ค้าหลักฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นโมเมนตัมบวกต่อทิศทางค่าเงินบาท (แข็งค่า) และ 2023E GDP ของไทยเติบโตในกรอบบนของประมาณการสภาพัฒน์ที่ 2.7-3.7% 3. ความคืบหน้าทางรัฐสภาสหรัฐฯ ที่จะต้องมีการนัดประชุม เพื่อโหวตเห็นชอบต่อข้อเสนอแก้ปัญหาเพดานหนี้ที่บรรลุความเห็นชอบจากพรรครัฐบาล เดโมแครตและพรรคฝ่ายค้าน รีพับลิกัน (ขยายออกไป 2 ปี และฝ่ายรัฐบาลยอมลดการใช้จ่าย) เพื่อให้ทันกาหนดว้นเส้นตายใหม่ในวันที่ 5 มิ.ย. ซึ่งเป็นโมเมนตัมบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันนี้ จากการเกิด Short Covering และ Excess Liquidity ของกระทรวงการคลัง ไหลกลับเข้าสู่ตลาดการเงินรอบใหม่ (รูปซ้ายและขวาล่าง) ส่วนผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยคาดมีจากัด อิงความเสี่ยงเฉพาะตัวของตลาดหุ้นไทย (Risk Premium) ยังอยู่ในระดับสูง เพราะมีหลายประเด็นเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยสุญญากาศการเมือง การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และผลกาไรบจ. ไทยปรับลดลง ส่งผลให้ต่างชาติเทขายทั้งในตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร ตลอดช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
หุ้นแนะนา: หุ้นที่มีประเด็นบวกระยะสั้น แนะนา MAKRO SISB โดยเป็นหุ้นที่ถูกเพิ่มคานวณในดัชนี MSCI Global Standard Index และ MSCI Small Cap Inex และจะเริ่มมีผลต่อราคาปิดตั้งแต่วันพรุ่งนี้ และ AOT (เก็งกาไร หุ้นบลูชิพที่มี Market Cap ขนาดใหญ่ และมีผลกาไรเติบโตสูง)
Strategic daily picks
MAKRO ปิด 40 บาท/แนวรับ 38.75 บาท แนวต้าน 43.50 บาท
Consensus มีมุมมองเป็นบวกต่อภาพรวมการดำเนินงานปี 2023 โดยคาดกำไรใน 2Q23 โต YoY หนุนจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่แข็งแกร่งในธุรกิจขายส่งและอัตรากำไรธุรกิจค้าปลีกดีขึ้น นอกจากนี้ Consensus คาดกำไร 2H23 ปรับตัวดีขึ้น HoH อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก 1) ยอดขาย O2O โตแข็งแกร่งจากบริการใหม่ 2 รายการ 2) อัตรากำไรธุรกิจค้าปลีกดีขึ้น หนุนจากอำนาจการต่อรองกับคู่ค้าดีขึ้น และ 3) คาดต้นทุนการเงินลดลงราว 150 ล้านบาท จาก 1Q23 ทั้งนี้ Consensus ประมาณการกำไรปี 2023-24 ที่ 1.14 และ 1.41 หมื่นล้านบาท (+48% และ +24) ตามลำดับ พร้อมประเมินราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 45 บาท อิง 2023 PER 41 เท่า
AOT ปิด 70.50 บาท/แนวรับ 69 บาท แนวต้าน 73.75 บาท
AOT รายงานกำไรสุทธิใน FY2Q23 (สิ้นสุดเดือน มี.ค. 2023) ที่ 1,861 ล้านบาท (+443% QoQ) และพลิกจากขาดทุน 3,276 ล้านบาท ใน FY2Q22 หากไม่รวมรายการพิเศษ จะมีกำไรปกติ 1,920 ล้านบาท (+341% QoQ) ขณะที่มีรายได้ 11,001 ล้านบาท (+265% YoY, +25% QoQ) โดยมีสัดส่วนระหว่างธุรกิจการบินและไม่ใช่การบิน เท่ากันที่ 50% Consensus คาดจะเห็นการเติบโตต่อเนื่องในช่วง FY2H23 (เดือน เม.ย.-ก.ย. 2023) โดยเฉพาะผลดีจากการเพิ่มเที่ยวบินจากจีน ที่ปัจจุบันเกือบถึงระดับ 400 เที่ยว ทั้งนี้ Consensus ประมาณการรายได้และกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 45,478 และ 9,996 ล้านบาท ตามลำดับ อิงสมมติฐานปี 2023 ในส่วนจำนวนผู้โดยสาร 96 ล้านคน (+105% YoY) และ 630,746 เที่ยวบิน (+59% YoY) รวมทั้งประเมินราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 82 บาท อิง 2023 PER 40 เท่า
SISB ปิด 37.25 บาท/แนวรับ 35.50 บาท แนวต้าน 39 บาท
SISB รายงานกำไรสุทธิ 1Q23 ที่ 159 ล้านบาท (+151% YoY, +24% QoQ) จากจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น 170 คน (เป็นคนจีนราว 60-70%) มาอยู่ที่ประมาณ 3,284 คน หลังจาก COVID-19 ผ่อนคลายลง ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 56.7% เพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น ส่วนต้นทุนและค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่คงที่ Consensus คาดแนวโน้มกำไรสุทธิที่เหลือของปีนี้ จะทำนิวไฮต่อเนื่องทุกไตรมาส จากใน 2Q23 มีจำนวนนักเรียนสมัครแล้ว 100 คน เป็นสัดส่วนคนไทย:ต่างชาติที่ 50:50 และใน 3Q23 เป็นช่วงเปิดเทอมขึ้นการศึกษาใหม่ คาดนักเรียนจะเพิ่มขึ้นจาก 4 สาขาเดิม และการเปิดสาขาใหม่จากนนทบุรีและระยองที่ยืนยันการสมัครเรียนแล้วกว่า 250 คน ทั้งนี้ Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023-24 อยู่ที่ 713 ล้านบาท (+93% YoY) และ 1,003 ล้านบาท (+41% YoY) ตามลำดับ รวมทั้งประเมินราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 39 บาท อิง DCF (WACC 8%, TG 1%)