ผันผวน หุ้นรายงานพิเศษ PIN (1 มิ.ย. 2566)
วันพุธที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงการซื้อ-ขาย หลังจากในช่วงเช้าสศอ.รายงานดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เดือนเม.ย. -8.14%YoY, 4 เดือน -4.7% หดตัวต่อเนื่องรับผลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และในภาคบ่ายกนง. มีมติเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ตามตลาดคาด
โดยมีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรง ในขณะที่แรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มไอซีที และกลุ่มการเงิน ประกอบกับมีการปรับหุ้นเข้า-ออก MSCI ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,533.54 จุด -1.27 จุด -0.08% มูลค่าการซื้อขาย 90,641 ลบ. ต่างชาติ -1,988.20 ลบ. TFEX +6,335 สัญญา ตราสารหนี้ +2,169.12 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายการขยายเพดานหนี้ ด้วยคะแนนเสียง 314 ต่อ 117 เสียง ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์ ส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณา
+ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.9% ในไตรมาส 2/2566 หลังจากขยายตัว 1.1% ในไตรมาส 1
+ ธปท.ประเมินเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ที่ 3.6% และ 3.8% ในปี 66 และ 67 และคาดอัตราเงินเฟ้อทยอยปรับลดลง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลงเข้าสู่กรอบเป้าหมายและคาดว่าอยู่ที่ 2.5% และ 2.4% ในปี 66 และ 67 ในส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานทรงตัวอยู่ที่ระดับ 2% ในปี 66 และ 67
+/- กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.75% เป็น 2% ต่อปี มีผลทันที ถือเป็นการขึ้นดอกเบี้ย 6 ครั้งติดต่อกัน
+ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมดิจิทัล ในไตรมาสแรก ปี 66 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ อยู่ที่ระดับ 54.0 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ที่ 49.0 ซึ่งถือว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในรอบ 3 ปี
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 134.51 จุด หรือ -0.41% หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานเพิ่มขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ทำให้ตลาดกังวลว่าจะเป็นปัจจัยผลักดันให้เฟด เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการลงมติร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ของสภาคองเกรส
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.37 ดอลลาร์ -1.97% ปิดที่ 68.09 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และดัชนีภาคการผลิตของจีนที่หดตัวลงมากกว่าคาด ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลก
- สหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน เพิ่มขึ้น 358,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 10.1 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 9.375 ล้านตำแหน่ง หลังจากปรับตัวลงติดต่อกัน 3 เดือน
- บรรดาผู้เชี่ยวชาญและผู้นำในวงการเทคโนโลยีเตือนว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อาจนำไปสู่การสูญพันธ์ของมนุษย์ และควรลดความเสี่ยงในเรื่องนี้ด้วยการจัดให้ AI เป็นวาระสำคัญระดับโลก
- สศอ. เปิดเผยว่าดัชนี MPI เดือนเม.ย.66 หดตัว 8.14%YoY ส่งผลให้ดัชนี MPI 4 เดือนแรกปี 2566 หดตัว 4.69YoY โดยมีสาเหตุหลักจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวรวมถึงต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไทยลดลง
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยมีแรงหนุนจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายการขยายเพดานหนี้ ซึ่งจะต้องส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ 1,525-1,540 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นปันผลดี : TISCO INTUCH , หุ้นเด่นเกาะ Megatrend : BE8 BBIK GABLE , หุ้นยั่งยืน : EA WAVE , หุ้นเติบโตใน EEC : AMATA WHA ORI , หุ้นพื้นฐานเด่น : PJW XO
• สินค้าส่งออกเดือน เม.ย. ที่ยังขยายตัวได้ดี : GFPT TFG AH SAT
หุ้นรายงานพิเศษ
PIN - มุมมองบวก
•1Q66 มีกำไรสุทธิ 157 ล้านบาท +14%YoY -27%QoQ โดยมีรายได้จากการดำเนินงาน 478.5 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลัก 88% มาจากการโอนที่ดิน 8% เป็นรายได้จากบริการสาธารณูปโภค และ 3.5% เป็นรายได้ค่าเช่า อัตรากำไรขั้นต้น 52% ลดลงจาก 56.6% ใน 4Q65 (โอนที่ดิน และ 53.9% ใน 1Q65 และอัตรากำไรสุทธิ 32% ลดลงจาก 39.3% และ 36.5% ใน 4Q65 และ 1Q65 ตามลำดับ
•ผลการดำเนินงาน 2Q66 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องโดยได้รับอานิสงส์จากลูกค้าชาวจีนที่ย้ายฐานการผลิต และกลุ่มผู้ผลิตที่เป็น supply chain ของผู้ผลิตรถ EV หลายราย (ลูกค้าหลักในอุตสาหกรรมรถยนต์ 24%) ปี 66 ผู้บริหารตั้งเป้ายอดขายที่ดิน 420 ไร่ +20%YoY รายได้ประจำ +25%
•ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ในพื้นที่ EEC จึงมีศักยภาพในการเติบโตของยอดขายที่ดินและรายได้จากบริการสาธารณูปโภค ทั้งนี้ อัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ของรายได้ที่ดินราว 18-20% ต่อปี (ที่มา : PIN, REIC, ศูนย์วิจัยกรุงศรี) และพื้นที่หลักของ PIN อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC ขณะที่ลูกค้าของ PIN ที่ทำธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์มีสัดส่วน 24% ราคาหุ้นปรับขึ้นยังไม่มากนัก +2%YTD ซื้อขายที่ P/E 12 เท่ายังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ระดับ 15 เท่า
หุ้นมีข่าว
(+) M (Bloomberg consensus 56.50 บาท) ลั่นร้านสุกี้เอ็มเคขายดี ทั้งปีมั่นใจยอดขายสาขาโต 15-20% หลังไตรมาส 1/2566 ทำได้แล้วกว่า 16% นักท่องเที่ยวฟื้นตัว แข็งแกร่ง เร่งทำการตลาดดันยอด ขึ้นราคาขายเล็กน้อย ชดเชยต้นทุน ย้ำบริหารต้นทุนได้ดี เดินหน้าขยายสาขาทั้ง แบรนด์ MK, Yayoi และแหลมเจริญ ทั้งปีคงเป้ารายได้โต 15% (ที่มา ทันหุ้น)
(+) BAFS (Bloomberg consensus 36.50 บาท) เล็งปรับเพิ่มประมาณการปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานขึ้นจากต้นปีที่ประมาณการไว้ที่ 4.2 พันล้านบาท หลังปริมาณเที่ยวบินจีน-ไทยเร่งตัวขึ้นเฉลี่ย 400-500 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ โดยคงประมาณการการขนส่งน้ำมันทางท่อที่ราว 600-610 ล้านลิตรต่อปี (ที่มา ทันหุ้น)
(+) XO (ราคาเหมาะสม 18.70 บาท) ส่งสัญญาณรายได้ไตรมาส 2/2566 ทำ All Time High ตุนออเดอร์ รอส่ง 550 ล้านบาท บิ๊กบอส "จิตติพร จันทรัช" สั่งปรับผลงานปีนี้โต 20% จากเดิม 10% หลังตลาดซอสส่งออกบูมตามเมกะเทรนด์อาหารไทย ดันสัดส่วนลูกค้าอเมริกาชน 10% (ที่มา ทันหุ้น)
(+) AH (Bloomberg consensus 44.50 บาท) คาดรายได้จากการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าเติบโต 100% สอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดโลกจะเติบโตราว 34% ในปีนี้ พร้อมวางกลยุทธ์เติบโต เล็งขยายฐานญี่ปุ่น-สหรัฐเพิ่ม ปักธงยอดขายปีนี้เติบโต 10-15% (ที่มา ทันหุ้น)