วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ยังอยู่ในจุดที่ไม่มองบวก ก็ไม่ควรมองลบ
ปัจจัยภายนอกผสมผสานทั้งบวกและลบ การใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวของธนาคารกลางขนาดใหญ่หลายแห่งที่ยังต่อเนื่องไปในช่วง ก.ค.-ก.ย.
รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังเป็นปัจจัยเงินทุนไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ไทย จากส่วนต่างดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ-ไทย ที่ค่อนข้างกว้าง ทั้งนี้ผลของการที่กนง.ต้องขึ้นดอกเบี้ยนโนบายเพื่อลดส่วนต่าง จะทำให้หุ้นไทยมีแรงกดดันและเผชิญกับภาวะที่พรีเมี่ยมการซื้อขายมีแนวโน้มลดลง (De-rating) ที่น่าจะเกิดในช่วง 2-3 เดือนนี้ได้ อย่างไรก็ตามการที่เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ อาจจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้ เราประเมินจะทำให้ความเสี่ยงทางลงของหุ้นไทยอยู่ในระดับจำกัด และจะยังมีกลุ่มหุ้นที่สามารถลงทุนได้ในภาวะดังกล่าว ซึ่งคุณลักษณะที่สำคัญ คือหุ้นที่กำไรยังโต ซื้อขายด้วย Valuation ที่ไม่แพง หรือมีปันผลสูง ซึ่งเรามองเห็นหุ้นหลายตัวในกลุ่มท่องเที่ยว ธนาคาร มีโอกาสรับมือกับภาวะดังกล่าว
พรรคเพื่อไทยคือตัวแปรสำคัญ แต่ไม่ว่าการเมืองจะออกทางไหนเราก็มองเป็นบวกต่อตลาด พรรคเพื่อไทยเป็นตัวแปรสำคัญของการตั้งรัฐบาลสำหรับทุกฝ่าย และทำให้ตลาดกลับมามองถึงโอกาสพลิกข้างการเมืองอีกครั้งหลังตั้งข้อเรียกร้องเกี่ยวกับตำแหน่งประธานรัฐสภา ซึ่งเป็นท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากช่วง 2 สัปดาห์ก่อน ส่งผลให้มีแรงเก็งกำไรหุ้นที่ลงจากความกังวลนโยบายรัฐอาจเปลี่ยนไปจากการนำของพรรคก้าวไกล (อาทิ GULF, ADVANC, THCOM, STEC) ทั้งนี้เรามองความชัดเจนการเมืองเป็นบวกต่อตลาดหุ้น ไม่ว่าการเมืองจะออกหน้าไหนก็ตาม โดยตลาดสะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว แต่ยังไม่สะท้อนมุมบวกของนโยบาย อาทิ ค่าแรงขั้นต่ำที่ดีต่อกำลังซื้อ และค่าไฟที่ลดจะช่วยในมุมของต้นทุน เรามองความชัดเจนการเมืองเป็น key catalyst ที่สำคัญของตลาดในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า
ภาพรวมกลยุทธ์: ยังคงมุมมอง ระยะ 1-2 สัปดาห์ มีโอกาสฟื้นจากการเมืองในประเทศที่ชัดเจนขึ้นและแรงขายเกี่ยวกับ STARK ที่ลดลง ขณะที่ระยะ 2 เดือน มีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกกดดันให้เกิด de-rating ทำให้ในเชิงกลยุทธ์ ต้องกลับมาเน้นหุ้นที่โมเมนตัมกำไรเป็นบวก / Valuation ไม่แพง / ปันผลสูง (มี 1 หรือหลายข้อนี้รวมกัน)
หุ้นแนะนำ: GFPT*, SAMART*, AWC*, BGRIM*
แนวรับ: 1,450 / แนวต้าน : 1,475-1,500 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ
"พาวเวล" ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งติด – ในเดือนก.ค.และก.ย.เพื่อสกัดเงินเฟ้อ และสกัดความร้อนแรงในตลาดแรงงาน โดยเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 2 ครั้งในปีนี้
เวิลด์แบงก์ ขยับเพิ่ม GDP ไทยปี 66 - เพิ่มเป็น 3.9% จากเดิม 3.6% ที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือน เม.ย.66 โมเมนตัมการฟื้นตัวจะแข็งแกร่งขึ้นจากที่ขยายตัว 2.6% ในปี 65 โดยได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวที่จะชะลอลงในระยะข้างหน้าและอุปสงค์ที่แข็งแกร่งเกินคาดจากจีน
รอยร้าวพรรคร่วมชัด! หุ้นเจ้าสัวบวกสวนตลาด - “เพื่อไทย-ก้าวไกล" เปิดเกมชิงประธานสภาฯ กลายเป็นรอยร้าวลึก! กลุ่มพรรคร่วม นักลงทุนจับตาอาจนำไปสู่ "เปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาล” ส่งผลหุ้นบรรดากลุ่มเจ้าสัวที่เคยได้รับผลเชิงลบจากนโยบายก้าวไกล ต่างพลิกขึ้นมาบวกสวนตลาด
เวียดนามชิงดูดเงิน WHA รับเต็มรุมซื้อ - เปิดหุ้นรับเวียดนามฉวยจังหวะลด VAT เหลือ 8% จาก 10% กระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่จีนลั่นเศรษฐกิจจีนไตรมาส 2 ขยายตัวดีเกิน 4.5% เข้าทาง WHA ด้าน "จรีพร จารุกรสกุล" เผยเป็นบริษัทได้ประโยชน์ อย่างในเวียดนามทำให้ต้นทุนจ่าย VAT ลดลง มีโอกาสดันยอดขายที่ดินเพิ่ม มั่นใจยอดขายที่ดินรวมเกิน 2 พันไร่
STARK เทรดวันสุดท้าย 30 มิ.ย. - ก่อนขึ้นเครื่องหมาย SP หยุดเทรดยาวไปแบบไม่มีกำหนด
OISHI เทนเดอร์ฯ- ไทยเบฟเวอเรจ ยื่นเทนเดอร์ฯ OISHI ราคา59บ./หุ้น ดีเดย์15มิ.ย.-21ส.ค.66 เพื่อการเพิกถอน
Opportunity day: 29 มิ.ย. – CAZ / 30 มิ.ย. – SPI, SPC, GLORY, SO, BLESS
ประเด็นติดตาม: 29 มิ.ย. – US GDP, Initial Jobless Claims, Pending Home Sales / 30 มิ.ย. – EU CPI, US Core PCE / 3 ก.ค. – EU Manufacturing PMI, US ISM PMI
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)