วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ TNP ประมาณการ 2Q66 : คาดกำไรเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ
เศรษฐกิจในภาคเหนือของประเทศไทยยังฟื้นตัวต่อเนื่องใน 2Q66 เมื่ออิงข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ที่เกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจภูมิภาค (ภาคเหนือ)
BOT คาดสภาวะเศรษฐกิจทางภาคเหนือของประเทศไทยยังฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ โดยมีปัจจัยบวกจาก i) การกลับมาของกิจกรรมทางธุรกิจ ii) sentiment ของตลาดแรงงานดีขึ้น และ iii) รายได้ผลผลิตเกษตร (farm income) ดีขึ้น ทั้งนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจภูมิภาคทางตอนเหนือของประเทศไทยอยู่ในระดับที่ดีกว่าทางตอนใต้และทางตะวันออกเฉียงเหนือ (Figure 1)
ประมาณการ 2Q66 : คาดกำไรเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ
เราคาดว่ากำไรสุทธิของ TNP ใน 2Q66 จะอยู่ที่ 37 ล้านบาท (+11% YoY และ +3% QoQ) หนุนจากยอดขายที่สูงขึ้นตามการขยายสาขาร้าน ขณะที่ เราคาดยอดขาย 2Q66 อยู่ที่ 620 ล้านบาท (+7% YoY แต่ทรงตัว QoQ) จาก i) มีอัตราการเติบโตของรายได้ในสาขาเดิม (SSSG) อยู่ที่ 1% และ ii) การขยายสาขา (จาก 39 ร้านเมื่อสิ้นงวด 2Q65 เป็น 43 ร้าน ณ สิ้น 2Q66) หลังจากผลผลิตข้าวนาปรังเติบโต 25% YoY (ภาคเหนือเติบโต 42% YoY; Figure 7) ในด้านอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ใน 2Q66 คาดอยู่ที่ 17.4% (ทรงตัว YoY แต่ +0.4ppts QoQ) จากผลของปัจจัยฤดูกาล สำหรับสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย (SG&A to sales ratio) ใน 2Q66 คาดอยู่ที่ 10.4% (เทียบกับ 10.6% ใน 2Q65 และ 10.3% ใน 1Q66)
ปรับลดประมาณการกำไรลงเล็กน้อยเพื่อสะท้อนความเสี่ยงบางประการ
เราคาดกำไรสุทธิใน 2H66 จะฟื้นตัวจากปัจจัยของฤดูกาล อย่างไรก็ตาม เรามองว่า TNP ยังมีความเสี่ยงที่น่าติดตามอยู่ ประกอบด้วย i) การเพิ่มขึ้นของต้นทุนและราคาสินค้า ii) การคาดการณ์อุปสงค์ต่ำกว่าคาดและ iii) เผชิญสถานการณ์ด้านภัยแล้ง (ซึ่งอาจส่งผลลบต่อพืชผลทางการเกษตรภายในสิ้นปีนี้รวมทั้งการลดลงของกำลังการซื้อ (purchasing power) ในช่วงต้นปี 2567) โดยผลผลิตข้าวนาปีคาดจะลดลง 3% YoY; Figure 8 ส่งผลให้เรามีการทบทวนสมมติฐานทั้ง SSSG อัตรากำไรขั้นต้น และ SG&A to salesส่งผลให้เรามีการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566-2567 เฉลี่ยราว 7% ส่งผลให้อัตราการเติบโตกำไรของ TNP ปี 2566 และปี 2567 อยู่ที่ 13% และ 11% ตามลำดับ ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่อ่อนตัว เราจึงปรับลด (de-rate) PER ลงจากที่ 19.0X (ค่าเฉลี่ยในอดีต -0.5 S.D.) มาอยู่ที่ 15.0X (ค่าเฉลี่ยในอดีต -1.0 S.D.)
Valuation & action
เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมายใหม่เป็นสิ้นปี 2567 อยู่ที่ 3.50 บาทจากเดิมที่ 4.20 บาท โดยอิงจาก PER ที่ 15.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต -1.0 S.D.) ทั้งนี้ จากราคาปิดหุ้น TNP ล่าสุด เรามองว่ามี upside เหลืออยู่จำกัด จึงปรับลดคำแนะนำจาก “ซื้อ” ลงเป็น “ถือ”
Risks
ภัยธรรมชาติ การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น การบริหารสินค้าคงคลัง การดำเนินงานสะดุด disruption จากเทคโนโลยีใหม่ ความเสี่ยงจากการขยายสาขาร้านและความเสี่ยงด้านกฏเกณฑ์ของทางการ.