วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.โกลเบล็ก HL “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 17.30 บาท
คาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดเนื่องจากมีการปรับราคาและขยายสาขาตั้งแต่ 2Q66
ประเด็นสำคัญในการลงทุน :
- คาดกำไร 2Q66 เติบโต 5%YoY และ 88%QoQ สู่ 22-26 ลบ.: คาดรายได้ทรงตัวใกล้เคียง 1Q66 ที่ 385-395 ลบ. เนื่องจากรายได้จากการขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยเฉพาะ ATK ลดลง แต่ถูกชดเชยด้วยการเปิดสาขาใหม่ใน 2Q66 อีก 2 สาขาสู่ 41 สาขา ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นจาก 21.5% ใน 1Q66 สู่ 23.4-23.7% จากการปรับราคาจำหน่ายยาหน้าร้านขึ้นตั้งแต่เดือน มี.ค. 66 คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะทรงที่ 69.1 ลบ. ทั้งนี้บริษัทรายงานกำไร 1Q66 ที่ 12.8 ลบ. -62%QoQ และ -58%YoY และคิดเป็น 10% ของประมาณการปี 66
- ผู้บริหาร ตั้งเป้าขยายสาขาใน 2H66 อีก 9 สาขา : ผู้บริหาร วางแผนขยายสาขาอีก 9 สาขาในครึ่งปีหลังจาก 41 สาขา ณ เดือนมิ.ย. 66 โดยจะเปิดสาขา 5 สาขาใน 3Q66 อีก 4 สาขาใน 4Q66 ส่งผลให้ปลายปี 66 จะมีสาขาทั้งสิ้น 50 สาขา โดยเน้นการขยายสาขาไปยังปริมณฑล นอกจากนี้ 4Q66 จะมีการออกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดภายใต้แบรนด์ “BESUTO” เพิ่มขึ้นอีก 1-2 ผลิตภัณฑ์ ขณะที่ปี 67 บริษัทมีแผนเปิดสาขาอีก 20 สาขาสู่ 70 สาขาโดยเน้นขยายสาขาไปยังจังหวัด ปทุมธานีและนนทบุรี
- ความเสี่ยงจาก Telepharmacy อยู่ในระดับต่ำ : ในปัจจุบันสภาเภสัชกรรมอนุญาตให้สามารถทำ Telepharmacy (คือ การปรึกษากับเภสัชกรผ่านทางออนไลน์และไปรับยาที่ร้านขายยา) ได้ แต่ต้องเป็นการปรึกษากับเภสัชกรที่ทำงานในร้านขายยา โดยยังไม่อนุญาตให้ปรึกษากับเภสัชกรจากส่วนกลางแล้วรับยาที่ร้านขายยาในสาขาใกล้บ้าน ทำให้ Moderntrade ขนาดใหญ่ที่มีร้านขายยายังไม่สามารถเปิดให้บริการดังกล่าวได้เนื่องจากไม่มีเภสัชกรประจำแต่ละสาขา ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยจึงประเมินว่าความเสี่ยงจาก Telepharmacy อยู่ในระดับต่ำ
- คาดกำไรปี 66 อยู่ที่ 125 ลบ. เติบโต 6%YoY : ฝ่ายวิจัยคาดว่ารายได้และกำไรปี 66 จะอยู่ที่ราว 1.72 พันลบ. และ 125 ลบ. เติบโต 13%YoY และ 6%YoY ตามลำดับ แม้ว่ากำไร 1Q66 จะคิดเป็นเพียง 10% ของประมาณการ โดยเราคาดว่าผลประกอบการจะกลับมาเติบโตตั้งแต่ 2Q66 จากการปรับขึ้นราคาจำหน่ายยา และ 2H66 ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องจากการเปิดสาขาเพิ่มอีก 9 สาขาสู่ 50 สาขา และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปี 66 จะเพิ่มขึ้นสู่ 24% จากการปรับขึ้นราคาจำหน่ายยาราว 1-3% ตั้งแต่ มี.ค. 66 และการเพิ่มสินค้าเกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ซึ่งมี GPM สูงกว่าค่าเฉลี่ยช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นจาก 1Q66 ที่ 21.5% ให้กลับมาสู่ 24% ในปี 66 (GPM ปี 65 อยู่ที่ 24.8%) และคาดว่าสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายจะลดลงจากปี 65 ที่ 16.4% สู่ 15.2% เนื่องจากรายได้เติบโตเร็วกว่าค่าใช้จ่าย และคาดว่ารายได้และกำไรปี 67 อยู่ที่ราว 2.1 พันลบ. และ 158 ลบ. เติบโต 22% และ 26% ตามลำดับ โดยได้แรงหนุนจากแผนการเปิดสาขาอีก 20 สาขาสู่ 70 สาขา
- เริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสม 17.30 บาท: ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าด้วยวิธี Prospective P/E Ratio โดยใช้ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 6 เดือนพร้อมปรับลดด้วย 1 S.D. อยู่ที่ 37.5 เท่าเนื่องจากผลประกอบการเปลี่ยนจากช่วงเติบโตเร็วเป็นทรงตัว (P/E Ratio ตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาด mai อยู่ที่ 53.5 เท่าซึ่งอยู่ในช่วงผลประกอบการเติบโตเร็ว) ทั้งนี้ เราคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) สำหรับปี 2566 ที่ 0.46 บาทต่อหุ้นได้ราคาเหมาะสม 17.30 บาทต่อหุ้น ซึ่งราคาที่ประเมินได้สูงกว่าราคาปิดล่าสุดจึงเริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ”
ความเสี่ยง : การขยายสาขา ล่าช้า กว่าแผน