วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ BBL ยังคงเป็นตัวเลือกที่มั่นคง และปลอดภัย
BBL อยู่ในสถานะที่ดีกว่าธนาคารอื่น ๆ ด้วยผลการดำเนินงานที่มั่นคง และปลอดภัยในปี 2566F เพราะกลยุทธ์ทางธุรกิจ และพอร์ตสินเชื่อของธนาคารมุ่งไปที่กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่
ทำให้ธนาคารสามารถส่งผ่านผลของการขึ้นดอกเบี้ยไปที่ลูกหนี้ได้ ดังจะเห็นได้จาก NIM ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 75bps (สูงกว่าของ SCB ที่ +65bps และ KBANK ที่ 40bps) ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นที่เริ่มต้นมาตั้งแต่กลางปี 2565 โดย ที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายพุ่งสูงขึ้นจาก 0.5% เป็น 2.25%
ปลอดภัยเพราะมีส่วนรองรับหนี้เสียสูง
BBL นำรายได้ส่วนเกินจากรายได้ดอกเบี้ย (NII) และกำไรจากเงินลงทุน (FVTPL) มาเสริมส่วนรองรับหนี้เสีย ดังนั้น สัดส่วน NPL coverage จึงเพิ่มขึ้นเป็น 285% ใน 2Q66 (จาก 265% ใน 1Q66 และ 232%ใน 2Q66) ในขณะเดียวกัน การที่ตลาดหุ้นรีบาวน์จะทำให้ BBL สามารถทำกำไรส่วนได้อีกในงวด 2H66 ด้วย ซึ่งกระแสรายได้ส่วนนี้จะเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้ที่ช่วยหนุนกำไรสุทธิของ BBL ในกรณีที่รายได้โตของธนาคารโตต่ำกว่าที่คาดไว้
NPL ที่ลดลงน่าจะทำให้ credit cost ลดลง
เนื่องจากพอร์ตสินเชื่อเน้นไปที่สินเชื่อธุรกิจ ดังนั้น BBL จึงอยู่สถานะที่ดีกว่าธนาคารอื่น ๆ เพราะเผชิญแรงกดดันจาก NPL เกิดใหม่ที่น้อยกว่า นอกจากนี้ การที่ธนาคารกำหนด credit cost ไว้ที่ 120bps ใน 1H66 (สูงกว่าเป้าปีนี้ของธนาคารที่ 100bps) ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการ credit cost ในช่วง 2H66
ปรับเพิ่มกำไรปี 2566/2567 ขึ้นอีก 22%/15% แลปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2566F เป็น 200 บาท
เนื่องจากกำไรในงวด 1H66 คิดเป็น 58% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2566/2567 ขึ้นอีก 22%/15% เพื่อสะท้อนถึง 1.) NIM ที่เพิ่มขึ้นเป็น 2.78%/2.84% ในปี 2566/2567 (จากเดิม 2.35%/2.40%) 2.) กำไรจาก FVTPL ที่เพิ่มขึ้นเป็น 8.5 พันล้านบาท/6.5 พันล้านบาท (จากเดิม 6.5 พันล้านบาท/6.5 พันล้านบาท) ตามลำดับ ทั้งนี้ แนวโน้มการเติบโตของกำไรที่ชัดเจนมากขึ้นทำให้เราปรับเพิ่ม (re-rate) PBV เป็น 0.7x (จากเดิมที่ 0.65x) โดยอิงจากประมาณการเฉลี่ย 2 ปี ทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 200 บาท จากเดิมที่ 186 บาท เรายังคงคำแนะนำซื้อ BBL
Risks
ความผันผวนของกำไรจากการลงทุนและรายได้จากการปริวรรตเงินตรา, NPL เกิดใหม่ และนโยบายการตั้งสำรอง