วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ลุ้นผลโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย
ทางเทคนิค คาด SET Index เคลื่อนไหว Sideways Up แนวต้าน 1,535/1,540 จุด แนวรับ 1,520/1,515 จุด โดยทางเทคนิคจะเกิดสัญญาณเชิงบวก หากสามารถทะลุแนวต้านสาคัญ 1,545 จุดขึ้นไปได้ โดยมีแนวต้านต่อไปที่ 1,575 จุด
ประเด็นสำคัญวันนี้ ไฮไลท์สำคัญที่สุดอยู่ที่ ผลโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย (ประธานสภาฯ นัดโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เวลา 15.00 น. และคาดว่าจะสิ้นสุดได้ภายในเวลา 17.30 น.) โดย 11 พรรคพันธมิตรใหม่ ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี เราคาดว่าจำนวนเสียงสนับสนุนจากฝั่งสส. พันธมิตร จะมีอย่างน้อย 314 เสียง (ไม่รวมกลุ่มพรรคประชาธิปัตย์ 18-21 เสียง) (Figure 1) และคาดว่าจะได้เสียงสนับสนุนจากสว. อย่างน้อย 60 เสียง จากทั้งหมด 249 เสียง เพื่อให้ได้เสียงรับรองเกินกึ่งหนึ่งของสภา (374 เสียง จากทั้งหมด 749 เสียง) อิงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นพรรคที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มสว.
หากผลการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นไปอย่างคาดการณ์ เราคาดว่าจะส่งผลบวกต่อทิศทางดัชนีฯ ในระยะสั้น (ทางเทคนิคต้องทะลุแนวต้าน 1,545 จุดขึ้นไป ส่วนด้านปัจจัยพื้นฐานอิงสถิติในอดีต คาดว่าจะมีระดับเป้าหมายที่เหมาะสมที่ 1,586 จุด อิงความสัมพันธ์ระหว่าง SET Index กับเหตุการณ์การเมืองในอดีต ที่แกว่งตัวขึ้นลงอยู่ในกรอบ -2 SD. ถึง +2 SD. (Figure 2)) ในทางตรงกันข้ามความเสี่ยงเชิงลบคาดว่าจะมีจำกัด หากกรณีการโหวตคุณเศรษฐา ไม่ได้เสียงรับรองเกินกึ่งหนึ่งของสภา โดยคาดว่ากลุ่มพรรคพันธมิตรเดิมอาจมีการเพิ่มเติมพรรคพันธมิตรใหม่ พร้อมทั้งเปลี่ยนแปลงบุคคลที่เสนอเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นคุณแพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ที่ไม่มีประวัติด้านลบทางการเมือง ทดแทน
เราคาดว่าสุญญาณกาศทางการเมืองที่ใกล้สิ้นสุดลง จะส่งผลบวกต่อหุ้นอิงนโยบายของรัฐฯ (กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มสาธารณูปโภคพื้นฐาน) กลุ่มอิงนโยบายพรรคเพื่อไทย (กลุ่มอาหาร กลุ่มค้าปลีก) กลุ่มอิงการเมือง (ตระกูลชินวัตร พรรคภูมิใจไทย) บนคาดการณ์ว่าคณะรัฐบาลชุดใหม่จะมีการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเรียกเสียงสนับสนุนจากประชาชน และลดกระแสการต่อต้านของม็อบต่าง ๆ อาทิ โครงการเงินดิจิทัล ใช้งบประมาณ 5.6 แสนล้านบาท รวมถึงนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว นโยบายแจกแท็ปเล็ต นโยบายปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 600 บาท/วัน และเงินเดือนปริญญาตรีขั้นต่ำ 2.5 หมื่นบาท เป็นต้น
กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หุ้นอิงนโยบายรัฐ และหุ้นอิงพรรคการเมือง STEC CK ADVANC
Strategic daily picks
STEC ปิด 11.60 บาท/แนวรับ 10.70 บาท แนวต้าน 12.40 บาท
Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิ 3Q23 และปี 2023 ที่ 253 ล้านบาท และ 797.88 ล้านบาท ตามลำดับ และประเมินราคาเป้าหมายที่ 13.13 บาท ทั้งนี้ ปัจจุบันมี Backlog ราว 1.1 แสนล้านบาท คาดจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2023 ราว 3.2-3.3 หมื่นล้านบาท
CK ปิด 22.30 บาท/แนวรับ 21.80 บาท แนวต้าน 23.20 บาท
CK รายงานผลประกอบการ 1H23 ดีเป็นผลจากความคืบหน้าของโครงการทั้งในและต่างประเทศ พร้อมจ่ายเงินปันผล 0.15 บาท/หุ้น ขณะเดียวกันภาพรวมผลประกอบการ 3Q23 ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง และสามารถเติบโตได้จาก Backlog ในปัจจุบันที่มีมูลค่าราว 1.4 แสนล้านบาท Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิ 3Q23 และปี 2023 ที่ 767 ล้านบาท และ 1.61 พันล้านบาท ตามลำดับ และประเมินราคาเป้าหมายที่ 25.82 บาท
ADVANC ปิด 222.00 บาท/แนวรับ 218.00 บาท แนวต้าน 230.00 บาท
ADVANC คงเป้ารายได้รวมทั้งปี 2023 เติบโต 3-5% YoY, รายได้เฉลี่ยของผู้ให้บริการต่อลูกค้าหนึ่งคน (ARPU) เติบโตราว 10-15% และกำไรก่อนจะหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) โตราว 4-6% หนุนจากภาพรวมผลการดำเนินงาน 2H23 ที่เริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิ 3Q23 และ ปี 2023 ที่ 7.48 พันล้านบาท และ 2.86 หมื่นล้านบาท และประเมินราคาเป้าหมายที่ 248.89 บาท