วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ลุ้น Dot Plot จากผลประชุมเฟด

โดยมีเป้าหมายที่ 1,506 จุด โดยจะสามารถพลิกกลับเป็นรูปแบบฟื้นตัวได้ หากดัชนีฯ ทะลุแนวต้าน 1,550 จุด ขึ้นไปได้

ไฮไลท์สำคัญวันนี้ อยู่ที่ผลประชุมเฟด โดยตลาดคาดว่าจะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม 5.25-5.50% อิงมุมมองเชิงบวกของประธานเฟด สาขาต่างๆ จำนวนมากอาทิ Fed Chairman Powell, Fed Governor Christopher Waller, Fed Dallas Logan, Fed Chicago Goolsbee (Voters), Fed Boston Susan Collins, Fed Atlantic Bostic (Non-Voter) ที่ส่งสัญญาณว่าเฟดไม่จำเป็นต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้ว โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไปจะเป็นไปแบบระมัดระวัง (Cautiously) หรือ Data Dependent

อย่างไรก็ดี ความสำคัญของผลประชุมเฟดครั้งนี้ คือ การมีบทสำรวจรายงานภาพรวมเศรษฐกิจจากประธานเฟดสาขาต่าง ๆ (Dot Plot) ซึ่งจะสามารถชี้นำแนวโน้มเศรษฐกิจ GDP การจ้างงาน ภาวะเงินเฟ้อ อัตราว่างงาน และทิศทางดอกเบี้ยในอนาคต ว่าจะแตกต่าง หรือเหมือนกับคาดการณ์ของตลาดหรือไม่ (โดยจะเป็นลบต่อตลาดหุ้น โดยเฉพาะกลุ่ม High Growth หากสัญญาณดอกเบี้ยยังคงทรงตัวในระดับสูงนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์เดิม Higher For Longer)

ทั้งนี้ มุมมองต่อ Dot Plot รอบนี้ KTX คาดว่า

• + US 2023E GDP มีแนวโน้มปรับประมาณการสูงขึ้น อันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีความแข็งแกร่ง อิง GDP Annual growth rate ใน 1H23 อยู่ที่ 2.6% (1Q23 +2.0% QoQ, 2Q23 +2.1% QoQ) ขณะที่ประมาณการ 2H23E GDP มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องอิงแบบจาลอง GDP Now ของเฟดแอตแลนต้า คาด 3Q23E GDP +4.9% QoQ และ Consensus คาด 4Q23E GDP +0.4% QoQ ทาให้ GDP Annual growth rate ณ สิ้นปี 2023E คาดอยู่ที่ 2.3% สูงกว่าประมาณการเดิมของเฟดที่ 1.0% YoY

 

 

•  *อัตราว่างงาน มีแนวโน้มใกล้เคียงประมาณการเดิม โดย 8 เดือนที่ผ่านมา อัตราว่างงานสหรัฐฯ เฉลี่ยอยู่ที่ 3.6% ซึ่งยังต่ากว่าประมาณการเฟดสิ้นปีที่ 4.1% แต่อย่างไรก็ตาม อัตราว่างงานเดือน ส.ค. เร่งขึ้นมาที่ 3.8% ใกล้เคียงประมาณการเฟด ตามการเพิ่มขึ้นของอัตราการมีส่วนร่วมของกาลังแรงงาน (Labor force participation rate) ทาให้เรามองว่าเฟดมีแนวโน้มคงประมาณการอัตราว่างงานไว้ที่เดิม

•  - อัตราเงินเฟ้อ มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นจากเดิม อัตราเร่งรายเดือนของเงินเฟ้อสหรัฐฯ โดยเฉพาะหมวดพลังงานที่เร่งตัวขึ้นมาก และหมวดบริการที่ยังทรงตัวในระดับสูง ทาให้อัตราเร่งของเงินเฟ้อสหรัฐฯ ปรับขึ้นมาที่ 0.6% MoM และค่าเฉลี่ย 8 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 0.3% MoM หากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังคงเร่งในระดับค่าเฉลี่ยดังกล่าว จะทาให้ ณ สิ้นปีนี้ อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะอยู่ที่ 4.6% YoY และ Long Term CPI อยู่ที่ 3.4% YoY ยังสูงกว่ากรอบเป้าหมายเฟดที่ 2.0% YoY ด้วยปัจจัยดังกล่าวทาให้เราคาดว่า เฟดมีแนวโน้ม คง Dot-plot ของปี 2023 ไว้ใกล้เคียงประมาณการเดิมที่ 5.6% แต่จะปรับประมาณการของปี 2024 ขึ้นจาก 4.6% ทาให้เกิดภาพ Higher for Longer เนื่องจากความกังวลของ Long Term CPI

ส่วนประเด็นเศรษฐกิจอื่น ๆ ได้แก่ UK รายงานเงินเฟ้อเดือน ส.ค. Consensus คาด +0.7% MoM, +7.1% YoY (เทียบกับเดือน ก.ค. -0.4% MoM, +6.8% YoY) ส่วน Core Inflation เดือน ส.ค. คาด +0.7% MoM, +6.8% YoY (เทียบกับเดือน ก.ค. +0.3% MoM, +6.9% YoY) ทาให้โอกาสสูงที่ BOE Meeting วันพรุ่งนี้ จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 15 อีก 25 bps เป็น 5.5% แม้อาจมีผลเชิงลบต่อความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัวเพิ่มขึ้นก็ตาม

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำหุ้นที่มีประเด็น SAWAD (ความเสี่ยงดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้สิ้นสุดลง) KCE BH (รับผลบวกจากการอ่อนค่าของเงินบาท)

 

 

Strategic daily picks

SAWAD   ปิด 45.00 บาท/แนวรับ 43.50 บาท แนวต้าน 47.50 บาท

SAWAD เผยในปี 2023 คาดสินเชื่อจะเติบโตที่ 25-30% (1H23=20%) และคาดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จะอยู่ที่ 3-4% (2Q23=2.6%) ทั้งนี้ ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ความต้องการสินเชื่อยังมีอยู่สูง เพื่อเสริมสภาพคล่อง ประกอบกับธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ยังเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ธุรกิจนอนแบงก์เติบโตต่อไป Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 5.02 พันล้านบาท และมูลค่าเหมาะสมที่ 54.04 บาท

 

KCE     ปิด 51.75 บาท/แนวรับ 49.00 บาท แนวต้าน 53.00 บาท

KCE ติดตั้งเครื่องจักรในการผลิต HDI เพิ่ม 4 เครื่องแล้ว คาดจะเริ่มผลิตได้ในช่วงเดือน ก.ย. นี้ จะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตและยอดขายได้ รวมทั้งต้นทุนที่ลดลง และลูกค้าเริ่มทยอยสั่งซื้อสินค้ากลับเข้าสู่ภาวะปกติ หนุน GPM ฟื้นตัว ซึ่งมั่นใจว่าผลการดำเนินงานใน 2H23 จะโตกว่า 1H23 ส่วนปี 2024 คาด GPM จะอยู่เหนือระดับ 25% Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 1.76 พันล้านบาท และมูลค่าเหมาะสมที่ 50.34 บาท

 

BH   ปิด 261.00 บาท/แนวรับ 252.00 บาท แนวต้าน 268.00 บาท

BH เผยแนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q23 ดีกว่า 2Q23 เนื่องจากเป็นช่วง high season และมีโรคประจำฤดูฝน รวมทั้งผู้ป่วยชาวต่างชาติกลับมาอยู่ในระดับเกิน 65% ขณะที่แนวโน้ม 4Q23 จะมีทิศทางที่ดีเช่นกัน เนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว และมีผลบวกจากนโยบายรัฐบาลฟรีวีซ่าชาวจีน (คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.5% ของผู้ป่วยต่างชาติทั้งหมดในช่วงที่ผ่านมา) ซึ่งอาจช่วยผลักดันสัดส่วนต่างชาติเพิ่มขึ้นด้วย Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 6.69 พันล้านบาท และมูลค่าเหมาะสมที่ 281.91 บาท